กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก สื่อสาธารณะ ก.วิทย์ โดยสวทช. จับมือ สกว. และสถานทูตอังกฤษ เปิดเวทีให้นักวิจัยก้าวสู่โลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนในภูมิภาค

ก.วิทย์ โดยสวทช. จับมือ สกว. และสถานทูตอังกฤษ เปิดเวทีให้นักวิจัยก้าวสู่โลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนในภูมิภาค



 

               7 กรกฎาคม 2559 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ :-กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จัดงาน Newton UK-South East Asia Innovation Leadership Conference  เป็นงานสัมมนาและแสดงนิทรรศการผลงานนวัตกรรมระดับนานาชาติของผู้ได้รับทุนจากโครงการ Leaders in Innovation Fellowships Programme (LIF) เพื่อเปิดเวทีให้นักวิจัยไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามได้ก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม   การต่อรองเจรจาธุรกิจ การต่อยอดผลงานวิจัยกับนักลงทุน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย และเป็นการขยายเครือข่ายวิจัยในระดับภูมิภาคอาเซียน

 

 

               ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิด “ประเทศไทย 4.0” ด้วยการยกระดับและต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมที่มีความได้เปรียบ ให้ใช้ความรู้ เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ไปสร้างนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) มีเป้าหมายหลัก คือ การหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับรายได้ต่อหัว (GNP per capita) จาก 5,438 เหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน เป็น 12,616 เหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2.32 เท่า ซึ่งหากประเทศไทยยังคงพึ่งพิงการผลิตในอุตสาหกรรมดั้งเดิมต่อไป เราจะไม่สามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางไปได้ ดังนั้น การพัฒนาประเทศตามแนวคิด “ประเทศไทย 4.0” จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและมูลค่าการส่งออกของ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ให้เติบโตมากกว่าการเติบโตจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่เริ่มชะลอตัวลง กล่าวคือ “ทำน้อยได้มาก” กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเห็นความสำคัญและรับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาทั้งส่วนของนักวิจัยและผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก โดยได้มีนโยบายด้านการยกเว้นภาษี 300% ของค่าใช้จ่ายวิจัยพัฒนา สำหรับผู้ประกอบการการยกเว้นภาษีสำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ที่ทำงานในอุตสาหกรรม S -Curve ใหม่ การยกเว้นภาษีให้กับสตาร์อัพ เป็นต้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลาการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และภาคเอกชน หรือ Talent Mobility เพื่อแก้ปัญหาการกระจุกตัวขององค์ความรู้ที่อยู่กับบุคลากรในภาครัฐ ซึ่งโครงการ LIF นี้ เป็นโครงการที่ดีที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ความสามารถและทักษะด้านธุรกิจให้แก่นักวิจัยและผู้ประกอบการในธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อช่วยเร่งให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อันจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคั่ง และมั่นคงต่อไป

 

 

               ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรได้มีประวัติความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ร่วมกันมาเป็นเวลานาน และนับตั้งแต่ มกราคม ปี 2559 ที่ผ่านมา นับได้ว่าได้มีการยกระดับความสัมพันธ์ทางดังกล่าวให้กระชับแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง  โดยผ่านกรอบความร่วมมือภายใต้โครงการ “Newton UK-Thailand Research and Innovation Partnership Fund”

               สวทช. ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ The Royal Academy of Engineering (RAEng) ได้ดำเนินโครงการ Leaders in Innovation Fellowships (LIF) Programme เพื่อสนับสนุนการสร้างศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการให้กับนักวิจัยของประเทศไทยและสนับสนุนการถ่ายทอดผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ชิงพาณิชย์ รวมถึงการสร้างเครือข่ายของนักวิจัยและผู้ประกอบการระดับนานาชาติ โครงการให้การสนับสนุนทุนแก่นักวิจัย / อาจารย์ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรวม 15 ทุนต่อปี โดย สวทช. รับผิดชอบสนับสนุนจำนวน 8 ทุน และ สกว. สนับสนุน 7 ทุน โครงการ LIF ได้ดำเนินการเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2558 - 2559 จากการดำเนินโครงการแล้วเป็นเวลา 2 ปี พบว่าโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นักวิจัยสามารถนำผลงานวิจัยของตนมาจัดทำแผนธุรกิจและผลักดันให้ผลงานเกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้สำเร็จและได้รับรางวัลนวัตกรรมจากประกวดในเวทีต่างประเทศจำนวนมาก

 

 

               ศาสตราจารย์ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหราชอาณาจักร ให้นักวิจัยได้นำเสนอผลงานทางนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการลงทุนให้เกิดนวัตกรรมจากงานวิจัยที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนกิจกรรมในงานประกอบด้วยการนำเสนอผลงานผ่านกิจกรรม Alumni Progress Presentations  กิจกรรม Lessons Learned Planning Session ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อนำงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และกิจกรรมอื่น ได้แก่ Challenges Planning Session, Investor Matchmaking

 

               ในการดำเนินโครงการ LIF ฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. ได้คัดเลือกนักวิจัยเข้าร่วมโครงการมาแล้ว 2 รุ่น รุ่นละ 7 คน ในช่วงเวลา 2 ปี โดยนักวิจัยที่ผ่านการคัดเลือกล้วนเป็นผู้มีนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างดีเยี่ยม และในอนาคตต่อไป สกว. คาดหวังที่จะสนับสนุนโครงการ LIF เพื่อสร้างเครือข่ายในภูมิภาคภายใต้ Newton Fund ในอนาคต สวทช. สกว. และ RAEng สำหรับในปี 2559 – 2560 ประมาณช่วงปลายปี จะเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยที่มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ LIF รุ่นที่ 3 โดยผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือพนักงานในหน่วยงานของรัฐหรือบริษัทผู้ประกอบการ  และเป็นเจ้าของผลงานที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยจะต้องเป็นงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับด้านอาหาร (Food) เทคโนโลยีทางการเกษตร (Agricultural Technologies)  ไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) วิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) วิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Science) การออกแบบทางวิศวกรรม (Design Engineering) วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and electronic Engineering) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) วิศวกรรมเครื่องยนต์ (Mechanical Engineering) และวิศวกรรมทางการแพทย์ (Medical Engineering) และต้องไม่เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ และมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับดี

 

 

 

ข่าวโดย : สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

เผยแพร่ข่าวโดย : นางสาวนฤมล รัตนสุวรรณ์ 

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :        อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน  Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313
 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป