กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก บริการประชาชน บริการข้อมูล/ข่าวสาร สวทช. จับมือ สอน. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงข่าว "โครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์"

สวทช. จับมือ สอน. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงข่าว "โครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์"

พิมพ์ PDF

 

 

สวทช. จับมือ สอน. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คัดสรรงานวิจัย ช่วยผู้ประกอบการไทย  ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นำร่องโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ หวังกระตุ้นต่อยอดเป็นนวัตกรรมสินค้า เตรียมพร้อมขยายผลสู่เชิงพาณิชย์

     20 เมษายน 2558 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช./วท.) ร่วมกับสถาบันวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดทำ “โครงการความร่วมมือขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์” ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยมุ่งหวังที่กระตุ้นให้ภาคเอกชนนำผลงานไปใช้ประโยชน์ เกิดการต่อยอด และยกระดับผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งรวมงานวิจัยและพัฒนา เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินการในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น การฝึกอบรม การสาธิต การดูงาน เอกสาร คู่มือ และคิดค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด ซึ่งโครงการนี้เน้นการส่งเสริมให้แก่ผู้ประกอบการเอกชนไทยที่มีความสนใจที่จะนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีนำไปต่อยอดหรือขยายผลเป็นสินค้าที่มีความแปลกใหม่และเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น

 

   

      โดยมี ดร.พานิช เหล่าศิริรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน โดย ดร.พานิช ได้กล่าวว่า ผมมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาร่วมเป็นสักขีพยานกับอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน คือ ระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการจับมือร่วมกันเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้นำเทคโนโลยีที่ สวทช. คิดค้นไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้มีความสามารถที่แข็งแกร่ง มีความพร้อมสำหรับการแข่งขันบนเวทีระดับโลก ซึ่งการเข้าถึงและนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์นี้ ต้องดำเนินการในรูปแบบ วิธีการที่คล่องตัว และเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่น้อยที่สุด

     ภารกิจสำคัญของ สวทช. ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ การมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก โดยการนำความสามารถอันเหนือชั้นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถดำเนินงานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

     ด้วยเหตุนี้ สวทช. จึงได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับส่วนราชการ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศบนเวทีการค้าโลกได้

     อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากประเทศไทยต้องการก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูง หรือเทียบชั้นกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกอุตสาหกรรม การที่สภาอุตสาหกรรม เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว โดยพยายามผลักดันในรูปแบบต่างๆ ให้ภาคธุรกิจเอกชนได้นำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์นั้น นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ภาคธุรกิจเอกชนของไทย เกิดความแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขัน พร้อมที่จะเติบโตทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

     การผลักดันในรูปแบบต่างๆ ร่วมถึงความร่วมมือล่าสุดกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ในครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ระหว่าง ภาครัฐและภาคเอกชน ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นระหว่างกัน โดย สวทช. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่คิดค้น รวมถึงองค์ความรู้ต่างๆ ไปให้ภาคธุรกิจเอกชนได้นำไปใช้ประโยชน์ และในทางกลับกัน ภาคธุรกิจเอกชนก็ได้สะท้อนสภาพปัญหา อุปสรรค ข้อจำกัดของเทคโนโลยี รวมถึงความต้องการต่างๆ กลับมายัง สวทช. เพื่อการพัฒนาผลงานวิจัยให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น

     ความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของ สวทช. และสภาอุตสาหกรรม ในการร่วมกันขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ในครั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองส่วนจะได้ร่วมมือกันผลักดัน สร้างความเติบโตให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยและเศรษฐกิจของไทยโดยรวม

 

 

      ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช./วท.) กล่าวว่า สวทช. พยายามผลักดันงานวิจัยให้ตอบโจทย์และเป็นไปตามความต้องการของผู้ประกอบการมากขึ้น ด้วยมองว่าผู้ประกอบการไทยจะเทียบชั้นกับประเทศที่พัฒนาแล้วได้นั้น ควรนำเอางานวิจัย/เทคโนโลยี มาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด ให้มีความแปลกใหม่และทรงคุณค่า เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่การเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยี เกิดการสร้างนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศบนเวทีการค้าโลกได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมานั้น สวทช. ยังมีบาทบาทสำคัญในการต่อยอดและส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังภาคอุตสาหกรรมในทุกภาคส่วน โดยค่อยสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับ ให้ได้รับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยการให้การสนับสนุน ให้คำปรึกษาและบริการ รวมถึงการลงทุนต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เช่น การสนับสนุนการบ่มเพาะผู้ประกอบการเทคโนโลยีใหม่ โดยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาและฝึกอบรมทางธุรกิจ ตลอดจนเชื่อมโยงให้เข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจและนำธุรกิจให้อยู่รอดได้ การให้คำปรึกษา หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของผู้ประกอบการต่างๆ  เพื่อการค้นคว้า วิจัยและพัฒนา หรือเพื่อใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตตามความต้องการของผู้ประกอบการ การให้บริการสนับสนุนทางการเงิน อาทิ กลไกการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคเอกชน และการรับรองโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อหักลดหย่อนภาษี โดยผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายสำหรับการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้เป็น 3 เท่าของค่าใช้จ่ายจริงเป็นต้น
     ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช./วท.)เปิดเผยว่า การร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกมิติหนึ่งที่ สวทช. จะเป็นส่วนเติมเต็มให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งงานวิจัยได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก สวทช. นั้นมีผลงานวิจัยที่ภาคอุตสาหกรรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อยู่เป็นจำนวนมาก โดย สวทช.จะนำผลงานวิจัยที่ถือสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญา ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ และยังไม่เคยให้สิทธิกับผู้ใดมาก่อน อาทิเช่น งานวิจัยในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ กลุ่มเกษตร และกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไป มาถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการเอกชนที่สนใจแบบไม่สงวนสิทธิ หรือที่เรียกว่า Non-excusive ซึ่งการถ่ายทอดนี้จะดำเนินการในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น การฝึกอบรม การสาธิต การดูงาน เอกสาร คู่มือ และคิดค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด ซึ่ง โครงการนี้เน้นการส่งเสริมให้แก่ผู้ประกอบการเอกชนไทยที่มีความสนใจที่จะนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีนำไปต่อยอดหรือขยายผลเป็นสินค้าที่มีความแปลกใหม่และเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ทั้งนี้ สวทช. จึงกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะขอรับการถ่ายทอดต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อยร้อยละ 51 มีศักยภาพ มีความพร้อม มีความเข้าใจเทคโนโลยี และมีบุคลากรที่พร้อมรับการถ่ายทอดในสาขาที่สนใจ
    ดร.ณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติการอนุญาตให้ใช้สิทธินั้น จะใช้เวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาร่วมระหว่าง สวทช. และสภาอุตสาหกรรม นอกจากนี้ สวทช. ยังจะมีการติดตามประเมินผล รวมถึง การให้ผู้ประกอบการที่รับการถ่ายทอดจัดทำรายงานผลการใช้เทคโนโลยี เพื่อที่ทาง สวทช.จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว นำมาปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ในการนี้ สวทช. ได้จัด “Technology Show” ขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2558 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 13.30 น. ณ. อาคารศูนย์ประชุม สวทช. รังสิต เพื่อให้ผู้สนใจได้รับฟังข้อมูลงานวิจัยในกลุ่มต่างๆ รวมทั้งรายละเอียดในการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยสามารถดูรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ www.nstda.or.th/nstda-services สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-564-8000
      ภก.เชิญพร เต็งอำนวย ประธานสถาบันวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ดี ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม มีช่องทางในการเข้าถึงนักวิจัย ผลงานวิจัย หรือเทคโนโลยี ที่ภาครัฐมีอยู่ เพื่อนำไปพัฒนาหรือต่อยอดให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวชู ซึ่ง ส.อ.ท. มียุทธศาสตร์และนโยบายที่จะผลักดันใหัภาคอุตสาหกรรมไทย ตระหนักถึงความสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อยู่แล้ว อีกทั้งโครงการนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ให้มีการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นคงและยั่งยืน
 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ฝ่ายประสานงาน คุณธีรนิตย์ รัตนวราห 
โทรศัพท์ 02-6448150 ต่อ 81855 โทรศัพท์มือถือ 0818140886
e-mail : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
 ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-564-7000 ต่อ 71725 71727 71731 

ผู้ประสานงาน : กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :   อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
Facebook : sciencethailand 
 
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
» เปิดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในโลกมืด กับ “ค่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเห็น” ครั้งที่ 9
» ก.วิทย์ จับมือ ก.คลัง เปิดช่องทางใหม่ให้เอกชนรับรองโครงการวิจัยด้วยตนเอง เพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษี 300% ได้สะดวก รวดเร็ว และหนุนการทำวิจัยเพิ่มมากขึ้น
» ก.วิทย์ โดย ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือ สสว. จัดเวทีนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับหาเงินทุนหรือผู้ร่วมทุน พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพไอซีทีไทยในระดับนานาชาติ
» ก.วิทย์ สวทช. ร่วมมือกับเอไอที สนับสนุนบุคลากรวิจัยให้บริการและให้คำปรึกษาทางวิชาการ
» ก.วิทย์ฯ จับมือ ก.ศึกษาฯ ผุดชุดซอฟต์แวร์ ช่วยการเขียน เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ทั่วประเทศ
» สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ สวทช. เผยผลสำรวจมูลค่าตลาดสื่อสารปี 59 ตลาดยังสดใส โต 11.5% ผลพวงจาก 4G และดิจิทัลอีโคโนมี
» กรมการข้าว ร่วมกับ สวทช. เปิดหมู่บ้านส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าว ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป