12 กรกฎาคม 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์/ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี “เส้นทางเศรษฐีหน้าใหม่ สตาร์ทอัพพันธุ์ไทย” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของภาครัฐ ในการสนับสนุนสตาร์ทอัพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิติลไทย” ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นโดย นิตยสารเส้นทางเศรษฐี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า สตาร์ทอัพเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ นอกเหนือจากฐานเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมหรือบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยหรือแม้แต่บริษัทไทยขนาดใหญ่ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอีนั้นมีความแตกต่างกันคือสตาร์ทอัพเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทยและเกิดความกระบวนความคิดที่สร้างสรรค์หรือการคิดนอกกรอบ ในส่วนของเอสเอ็มอีคือการหาแหล่งเงินทุนเอง เช่น ทุนจากครอบครัวหรือการกู้เงินจากธนาคารและธุรกิจประเภทเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่มีโอกาสมากพอที่จะก้าวไปสู่การขายในระดับโลกได้ และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนวัตกรรมเกิดขึ้นมากมายเพราะนวัตกรรมอยู่ที่ไหนก็ได้ เกิดขึ้นกับใครก็ได้ แม้กระทั้งนักศึกษาก็สามารถสร้างนวัตกรรมให้บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เช่นกัน
.jpg)


.jpg)
ดร.พิเชฐ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลให้การสนับสนุน สตาร์ทอัพ อย่างเต็มกำลังและสิ่งที่เห็นชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม คือ 1.การกระจายสตาร์ทอัพในภูมิภาค โดยใช้ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น และจ.ภูเก็ต นำร่อง 2.กระจายตามมหาวิทยาลัย ซึ่งในปี พ.ศ.2560 ขอให้มหาวิทยาลัยเพิ่มหลักสูตรเพื่อสตาร์ทอัพ โดยเริ่มจาก 40-50 มหาวิทยาลัยนำร่อง เพื่อที่จะสร้างพื้นที่สตาร์ทอัพในมหาวิทยาลัย 3.ระบบภาษีที่เอื้ออำนวยให้แก่ผู้ที่เป็นสตาร์ทอัพ จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้ 5 ปี หากเป็นนักลงทุนสตาร์ทอัพสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ 10 ปี นอกจากนี้ สตาร์ทอัพ 1 คน สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ และสตาร์ทอัพสามารถออกหุ้นกู้ได้รวมทั้งให้แก้ไขการออกหุ้นบูลิมะสิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาณาโดยกระทรวงพาณิชย์
ข่าวโดย : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ
ภาพถ่ายโดย : นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์ ,นายรัฐพล หงสไกร
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313