กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนคเทค โดยความร่วมมือกับ สนข. และสมาคมนักวิชาชีพไทยในอเมริกาและแคนาดา (ATPAC) หาแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรและความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะด้วยความรู้และเทคโนโลยีใหม่ โดยจะจัดการสัมมนาเพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาระบบการจราจรและขนส่งอัจฉริยะ หรือ Intelligent Transportation System-ITS ระหว่างวันที่ 14-15 กันยายน 2553 ณ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร มุ่งหวังนำเทคโนโลยีใหม่และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพไปแก้ไขปัญหาจราจร
ที่ผ่านมา ประเทศไทยโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัญหาการจราจรติดขัดและความปลอดภัยในการใช้ยวดยานพาหนะเป็นปัญหาหลักที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทางด้านมลภาวะ สิ่งแวดล้อม สุขภาพจิต ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเนื่องจากต้องใช้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ รวมไปถึงความตึงเครียดของผู้ใช้ยวดยานพาหนะ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาในการพัฒนาคุณภาพของการจราจรและขนส่ง ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพัฒนาและวิจัยระบบการจราจรและขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System หรือ ITS) ในปี พ.ศ 2548 โดยอยู่ภายใต้สังกัดของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2549 กระทรวงคมนาคมได้กำหนดร่างแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาการบริหารจัดการระบบการขนส่งและจราจรอัจฉริยะแห่งชาติ สำหรับปี 2549 - 2558 มีวาระครอบคลุม 10 ปี แผนแม่บทดังกล่าวได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาระบบ ITS ไว้ 6 ด้าน ได้แก่ 1) การให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทาง 2) การจัดการจราจรและขนส่ง 3) การปฏิบัติการรถขนส่งสินค้า 4) การจัดการขนส่งสาธารณะ 5) ความปลอดภัยและการจัดการเหตุฉุกเฉิน และ 6) การชำระค่าธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์
ในปัจจุบัน การพัฒนาระบบ ITS ในประเทศไทยค่อนข้างเน้นไปที่ประเด็นยุทธศาสตร์ทางการให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางเป็นหลัก การพัฒนาระบบการจัดการจราจร ยังไม่มีการนำระบบ ITS มาใช้อย่างเต็มรูปแบบมากนัก การสัมมนาครั้งนี้ จึงเน้นไปที่การบริหารจัดการจราจร ที่ต้องมีความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างดี จึงจะสามารถนำระบบ ITS มาประยุกต์ใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา การพัฒนาระบบ ITS ได้มีมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนทางด้านการวิจัยและการลงทุนจากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน นอกจากนี้ หน่วยงานต่างๆในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการประเมินผลของเทคโนโลยีที่นำมาปฎิบัติใช้จริง เพื่อนำไปวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าในการลงทุนในอนาคต สำหรับประเทศไทยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสำหรับการบริหารการควบคุมการจราจรยังไม่ค่อยแพร่หลาย ทั้งนี้อาจเกิดจากองค์กรที่นำระบบไปประยุกต์ใช้อาจยังขาดความรู้ความเข้าใจในระบบ นอกจากนี้องค์กรที่นำระบบไปประยุกต์ใช้อาจจะไม่เล็งเห็นถึงความสำคัญ เนื่องจากการขาดกระบวนการประเมินผล และใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน และทำให้องค์กรหมดความสนใจที่จะลงทุนต่อไปในอนาคต
ดังนั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย เนคเทค และสำนักงานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ กรุงวอชิงตัน ร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และสมาคมนักวิชาชีพไทยในอเมริกาและแคนาดา (Association of Thai Professionals in America and Canada: ATPAC) จึงได้จัดการสัมมนาเรื่อง วิทยาการสมัยใหม่และการประยุกต์ใช้งานระบบการขนส่งและจราจรอัจฉริยะในการเพิ่มสมรรถภาพและความปลอดภัยในการบริหารจราจรและระบบทางด่วน ในระหว่างวันที่ 14-15 กันยายน 2553 ณ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร โดยเชิญ Dr. Kevin Balke และ ดร.ประพฤทธิ์ ทรงจิตรักษา จาก Texas Transportation Institute, Texas A&M university System ประเทศสหรัฐฯ มาเป็นวิทยากรในการสัมมนาร่วมกับวิทยากรจากเนคเทค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การสัมมนาครั้งนี้จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความเข้าใจในระบบเทคโนโลยีสำหรับการบริหารการจราจรและขนส่ง ตั้งแต่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารระบบ และการประเมินผลของระบบโดยใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสม การบริหารการจราจรจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นการบริหารระบบสัญญาณควบคุมการจราจรโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีใช้ในสหรัฐอเมริกาอย่างแพร่หลาย ระบบดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมเพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณ และลักษณะของผู้ใช้ถนน ส่วนที่สองจะเป็นการบริหารระบบทางด่วน (Freeway Management) โดยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ITS เข้ามาเพื่อควบคุมการจราจร และลดอันตรายจากอุบัติเหตุ นอกจากนี้ การสัมมนาจะครอบคลุมถึงการประเมินผลของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ โดยการทำแบบจำลอง และการเลือกใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสม
ที่สำคัญ จะเป็นการหารือถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา ระบบความปลอดภัยและประสิทธิภาพการบริหารการจราจรและขนส่งระหว่างองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
ระหว่าง Texas Transportation Institute, Texas A&M University System กับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมด้วย
แหล่งที่มา |