กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน กระทรวงวิทย์ฯ จับมือ กระทรวงการคลัง ออกกฎหมายให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีแก่ธุรกิจเงินร่วมลงทุน และผู้ประกอบการรายใหม่ กระตุ้นการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีตามกลุ่ม 10 คลัสเตอร์เป้าหมายของรัฐบาล

กระทรวงวิทย์ฯ จับมือ กระทรวงการคลัง ออกกฎหมายให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีแก่ธุรกิจเงินร่วมลงทุน และผู้ประกอบการรายใหม่ กระตุ้นการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีตามกลุ่ม 10 คลัสเตอร์เป้าหมายของรัฐบาล

พิมพ์ PDF


    กระทรวงวิทย์ฯ จับมือ กระทรวงการคลัง ออกกฎหมายให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีแก่ธุรกิจเงินร่วมลงทุนและผู้ประกอบการรายใหม่ กระตุ้นการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีตามกลุ่ม 10 คลัสเตอร์เป้าหมายของรัฐบาล หวังพัฒนาตลาดทุนและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ   
 
   4 พฤษภาคม 2559 ณ อาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ / กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) จัดแถลงข่าว “สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกิจการเงินร่วมลงทุนและผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจเทคโนโลยี” เพื่อเปิดตัวสิทธิประโยชน์ให้สาธารณชนรับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกิจการเงินร่วมลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งใช้เทคโนโลยีเป็นฐานหลักในกระบวนการผลิตและบริการ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ด้านนวัตกรรม
    ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้มีความพยายามในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าจากนวัตกรรมมากกว่าการใช้ทรัพยากรเป็นปัจจัยการผลิตดังเช่นในอดีต ซึ่งจะต้องสนับสนุนให้เกิดธุรกิจเทคโนโลยีขึ้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจเทคโนโลยีมักจะประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงกว่าบริษัทที่เน้นการผลิตแบบดั้งเดิม ทำให้การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินจึงทำได้ยาก เพราะขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งเทคโนโลยีที่เป็นแหล่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจนั้นประเมินมูลค่าได้ยาก ดังนั้น การร่วมลงทุนจากกิจการเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital (VC) จึงเป็นกลไกที่สำคัญที่ประเทศอื่นๆ ใช้ในการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยี เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลจึงได้ออกกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 597 และฉบับที่ 602 พ.ศ. 2559 เพื่อยกเว้นภาษีให้แก่กิจการเงินร่วมลงทุนรวมถึงนักลงทุนในกิจการเงินร่วมลงทุน และผู้ประกอบการรายใหม่ การสนับสนุนดังกล่าวครอบคลุม 10 คลัสเตอร์เป้าหมายที่เป็น S-Curve ของประเทศ เพราะรัฐบาลต้องการให้แรงจูงใจแก่ธุรกจ VC ในการเข้าไปมีส่วนสำคัญในการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการสนับสนุน ตามแนวคิดประชารัฐ หรือ Public-Private Partnership ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างและขยายขนาดของธุรกิจเงินร่วมลงทุนให้เกิดขึ้นและเป็นเครื่องมือสนับสนุนธุรกิจฐานเทคโนโลยีเกิดขึ้นและให้เติบโตในประเทศไทยอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

    นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย กลไกธุรกิจเงินร่วมลงทุนได้ถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการเกิดและการเติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ตั้งแต่ปี 2545 โดยการออกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 396) พ.ศ. 2545 เพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ VC ที่ลงทุนใน SMEs ซึ่งภายหลังจากมาตรการสนับสนุนทางภาษีสำหรับ VC ได้สิ้นสุดลงในปี 2554 กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ปรับปรุงรูปแบบการสนับสนุนธุรกิจ VC จากการสนับสนุนและเน้นการเติบโต SMEs เป็นการสร้างธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อเป็นรากฐานของเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ โดยได้กำหนดขอบเขตของธุรกิจฐาน วทน. ที่ต้องการสนับสนุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ใช้เทคโนโลยีหลักตามที่ สวทช. ประกาศกำหนดเป็นฐานในการประกอบกิจการ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้มีการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่นักลงทุน ธุรกิจ VC และผู้ประกอบการรายใหม่ สำหรับการลงทุนและประกอบกิจการที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการผลิตและการให้บริการ ในพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ
 
    ด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สวทช. ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับรองกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย และใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในการผลิตและให้บริการ โดย สวทช. จะประกาศรายชื่อเทคโนโลยีหลัก และจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้การรับรองกิจการเหล่านี้ โดยเชื่อว่าสิทธิประโยชน์ทั้ง 2 มาตรการนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากประเทศไทยสามารถปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเกิดธุรกิจเทคโนโลยีจำนวนมากขึ้น จะทำให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจฐานใหม่ของประเทศ
 
 
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สวทช.
โทรศัพท์ 02 564 7000 ต่อ 1162  ลัญจนา (089 128 5004)  อีเมล์ : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน


กลุ่มงานประชาสัมพันธ์
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313

 

 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป