บ่ายวันนี้ (10 มีนาคม 2559) ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ ดร. โรเบิร์ต กลาสเซอร์ ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เป็นประธานและสักขีพยานร่วม ในพิธีลงนามแถลงการณ์ความร่วมมือ “การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ” ระหว่าง สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับ สำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 2 โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. จัดพิธีลงนามแถลงการณ์ความร่วมมือ “การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ” (Statement of Cooperation on Science and Technology for Disaster Risk Reduction) กับ สำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Office for Disaster Risk Reduction) หรือ UNISDR โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเผยแพร่ตัวอย่างความสำเร็จด้านการจัดการทรัพยากรน้ำระดับชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) และ ดร. เฟิง มิน คาน (Dr. Feng Min Kan) หัวหน้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก สำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (Head Regional Office for Asia-Pacific, UNISDR) เป็นผู้ลงนาม และ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ดร. โรเบิร์ต กลาสเซอร์ (Dr. Robert Glasser) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Special Representative of the Secretary-General for Disaster Risk Reduction, UNISDR) เป็นสักขีพยานในพิธี
![]() |
การลงนามในแถลงการณ์ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้กรอบการดำเนินงานเซนได เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ 2015-2030 (The UNISDR Science and Technology Conference on the implementation of the Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015-2030) ระหว่างวันที่ 27–29 มกราคม 2559 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกของ UNISDR เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อผลักดันการดำเนินงานภายใต้ Sendai Framework โดย ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับเชิญเข้าร่วมการอภิปรายในพิธีเปิดการประชุม ได้นำเสนอตัวอย่างความสำเร็จของประเทศไทยในการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และข้อมูล สนับสนุนการบริหารจัดการน้ำเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมทั้งตัวอย่างความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำในระดับชุมชนของ สสนก. ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างมาก ทาง UNISDR จึงได้ทำความร่วมมือกับ สสนก. เพื่อร่วมกันเผยแพร่ความรู้ ประสบการณ์ และตัวอย่างความสำเร็จของประเทศไทย ด้านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และ สสนก. จะร่วมกับ UNISDR จัดการประชุมเครือข่ายการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ในระดับภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิก (Science and Technology Network for Disaster Risk Reduction for the ASEAN and Asia-Pacific) ที่ประเทศไทย ในเดือนสิงหาคมนี้
![]() |
ดร. พิเชฐฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ประเทศไทยมีประสบการณ์ในการจัดการกับภัยพิบัติจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ซึ่งทำให้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีและข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนการทำงานและการตัดสินใจบริหารจัดการภัยพิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศไทยมีระบบคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย สสนก. พัฒนาระบบเชื่อมต่อและรวบรวมข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เกิดการบูรณาการฐานข้อมูลน้ำและภูมิอากาศของประเทศไทย ให้หน่วยงานต่างๆ ได้ใช้ข้อมูลสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต ในปี 2559 ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้ง ปริมาณฝนน้อยที่สุดในรอบ 34 ปี และปริมาณน้ำใช้การในเขื่อนบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ การบริหารจัดการน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งประเทศไทยมีตัวอย่างความสำเร็จด้านการบริหารจัดการน้ำในระดับชุมชน ที่ สสนก. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ กว่า 30 แห่ง นำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น แผนที่ภาพถ่ายจากดาวเทียม GPS ใช้สำรวจข้อมูลและวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ร่วมกับการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ เช่น การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน แก้มลิง สามารถแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และสามารถขยายผลสำเร็จไปยังชุมชนอื่นได้ ปัจจุบันมีพื้นที่ตัวอย่างการจัดการน้ำในระดับชุมชนมากกว่า 600 ชุมชน ซึ่งพบว่ามากกว่าร้อยละ 98 ของชุมชนเหล่านี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปีนี้ ชุมชนยังมีน้ำเพียงพอสำหรับอุปโภคและเพาะปลูกในครัวเรือน นับเป็นตัวอย่างของการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน พร้อมที่จะร่วมกันดำเนินการขยายความสำเร็จไปยังประเทศในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิก ต่อไป
![]() |
ดร. โรเบิร์ต กลาสเซอร์ กล่าวว่า UNISDR ได้จัดทำกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ หรือ “กรอบเซนได” (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015-2030) เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติของโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดภัยพิบัติ และมุ่งหวังให้แต่ละประเทศและแต่ละชุมชนสามารถลดความเสียหายที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทั้งทางด้านความเป็นอยู่ สุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นผู้นำด้านการปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับกรอบการดำเนินงานเซนได มีตัวอย่างความสำเร็จของประเทศไทยในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประเทศอื่นทั่วโลกได้ เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ง่ายและเหมาะสมกับชุมชนเพื่อพัฒนาศักยภาพการจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชน รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เช่น แก้มลิง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ก้าวหน้ามาก สามารถใช้บริหารจัดการได้ทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง ประเทศไทยมีประสบการณ์มากมายที่พร้อมจะแบ่งปันให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเตรียมการป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติ โดยเฉพาะภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
![]() |
![]() |
ข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)
โทร. 02 642 7132
เว็บไซต์ www.haii.or.th
ภาพข่าว : นายรัฐพล หงสไกร และ นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สป.วท.
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313