กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน เปิดเทคโนโลยีอวกาศเพื่อเศรษฐกิจ...รองรับอุตสาหกรรมใหม่ไทยสู่อาเซียน

เปิดเทคโนโลยีอวกาศเพื่อเศรษฐกิจ...รองรับอุตสาหกรรมใหม่ไทยสู่อาเซียน

พิมพ์ PDF

 

 

       10 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว / กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) จัดระดมสมอง “อวกาศกับโอกาสการพัฒนาประเทศ” เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมกำหนดแนวทางการบูรณาการของหน่วยงานในประเทศในการนำเทคโนโลยีด้านอวกาศไปสู่การพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในทุกมิติเพื่อการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน

 

 

   
   
   
   

       พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งได้อย่างน่าสนใจว่า “ปัจจุบันการดำเนินชีวิตในแต่ละวันและความสะดวกสบายหลาย ๆ อย่างของพวกเรานั้นเป็นผลมาจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศที่ใกล้ตัวพวกเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารโทรคมนาคมข้ามทวีป การถ่ายทอดมหกรรมกีฬาสำคัญของโลก การพยากรณ์สภาพอากาศทั่วทุกมุมโลกในแต่ละนาที ยิ่งในปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลและสื่อสารกันโดยใช้อุปกรณ์สมาร์ท (smart device) ที่ติดตั้งระบบรับสัญญาณดาวเทียมนำทางและกล้องถ่ายภาพที่พัฒนาจากเทคโนโลยีอวกาศ และในขณะนี้ประเทศไทยก็ได้ใช้ประโยชน์จากอวกาศในด้านต่าง ๆ มากมาย ทั้งเพื่อการสำรวจ การแสวงหาทรัพยากร การวิจัยและพัฒนาทางด้านการแพทย์ การติดต่อสื่อสารและการถ่ายทอดรายการบันเทิงผ่านดาวเทียม การใช้งานดาวเทียมสำรวจและดาวเทียมสื่อสารเพื่อภารกิจด้านความมั่นคงและการทหาร การใช้เทคโนโลยีในอวกาศเพื่อการป้องกันและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติ การศึกษาชั้นบรรยากาศเพื่อรองรับการและเตรียมความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง และมีนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (New Growth Engine) ของประเทศใน 10 ด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมด้านการขนส่งและการบิน โดยเป้าหมายของอุตสาหกรรมดังกล่าว มุ่งเน้นการบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ธุรกิจมูลค่าสูงที่ต้องการความเร็วจากการขนส่งทางอากาศ และสถาบันศึกษาและอบรมด้านการบิน โดยอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอากาศยานนั้นสามารถต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอวกาศได้ด้วย


 

     พลอากาศเอกประจิน  กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราพยายามนำเทคโนโลยีมาบูรณาการเป็นนวัตกรรม โดยที่ผ่านมาเราใช้คนใช้เครื่องมือติดตั้งอากาศยานในการดูแลเรื่องภัยพิบัติ แต่จากนี้เราจะนำขีดความสามารถของดาวเทียมมาใช้ให้มากขึ้นเพื่อทำให้เกิดความรวดเร็วในการช่วยเหลือประชาชนในทุกๆมิติ สำหรับโครงการทีออส 2 ขณะนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการในวงเงินจำนวนประมาณ 8 พันล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ

 

      ดร.พิเชฐ ได้กล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีด้านการบินและด้านอวกาศมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสามารถต่อยอดซึ่งกันและกันได้ง่าย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาบุคลากรด้านอวกาศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการบินและอวกาศของประเทศให้มีศักยภาพ แข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน โดยที่ผ่านมาได้มีการบูรณาการกระบวนงานหลายส่วนเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในด้านกรอบความคิดที่แสดงถึงการพัฒนา การทดสอบ การลงมือทำ และการดำเนินการในที่สุด เพื่อให้โครงการด้านอวกาศของประเทศประสบผลสำเร็จ การจัดสัมมนาในวันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นโอกาสที่ดีในการกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนด้านอวกาศของประเทศบนฐานของเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ กำลังคน ที่เชื่อมโยงกับนโยบายระดับประเทศที่สำคัญ เพื่อรองรับในการนำเทคโนโลยีอวกาศมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีเป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความมั่นคงทางสังคม ความยั่งยืนทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคอาเซียน” นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์ด้านโทรคมนาคม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศไทยในแง่ของการกระจายความเจริญไปพร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 2.การใช้ประโยชน์จากดาวเทียมในการสำรวจด้านต่างๆ อาทิ ภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำ ไฟป่า ป่าไม้ 3.การใช้ประโยชน์เพื่อระบบทางเศรษฐกิจ เช่น ระบบการผลิตที่เกี่ยวข้อง และการใช้ประโยชน์ข้อมูลมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 4.การใช้ประโยชน์ทางสังคม ซึ่งกระทรวงต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสังคมจะเข้ามามีส่วนร่วม 5.การเตรียมการเพื่อพัฒนาบุคลากรไว้ล่วงหน้าและการจัดให้มีหลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศมากยิ่งขึ้น

      ดร.พิเชฐ กล่าวต่อว่า สังคมไทยยังไม่คุ้นเคยกับคำว่าอวกาศเนื่องจากเป็นเรื่องที่ไกลตัว ดังนั้นเราจำเป็นต้องวางพื้นฐานโครงการอวกาศแห่งชาติ (National Space Program) เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจและเห็นด้วย  การสร้างเป้าหมายการสร้างความหวังและโอกาสให้กับประเทศนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งที่หล่อหลอมและทำให้สังคมไทยกลับมาเข้มแข็งและมั่นคงอีกครั้ง

 

ที่มาข้อมูลข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) 

ข่าวโดย : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ

ภาพข่าว : นางสุนิสา ภาคเพียร นาวงษ์ และ นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สป.วท. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834

e-mail :         อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

Facebook : sciencethailand

Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313


 

 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป