กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน สวทช. เปิดตัวโครงการ ‘iTAP Big Impact’ ยกเครื่องเอสเอ็มอีไทย

สวทช. เปิดตัวโครงการ ‘iTAP Big Impact’ ยกเครื่องเอสเอ็มอีไทย

พิมพ์ PDF

   ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ iTAP Big Impact ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สร้างผลกระทบวงกว้างให้กับประเทศ เพื่อมุ่งเพิ่มกำไรให้กับเอสเอ็มอี ช่วยประหยัดต้นทุนในการใช้พลังงานที่เห็นได้ผลชัดเจนทันที จากการยกระดับเทคโนโลยีในภาคการผลิตหลักที่สำคัญระดับมหภาคของประเทศ ได้แก่ การสีข้าว การเลี้ยงไก่ และการอบยางแผ่นรมควัน  ณ ห้องพิมานแมน โรงแรมโฟร์ ซีซั่น  เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552

  

 

 


              ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ  กล่าวว่า  โครงการ iTAP Big Impact เป็นโครงการที่นำเอาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ได้ผลอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมในวงกว้าง สามารถสนองตอบความต้องการของเอสเอ็มอีได้โดยตรง  เป็นโครงการที่ให้ผลเร็ว และวัดผลได้ มีผลกระทบสูงในการเพิ่มกำไรของเอสเอ็มอี  ซึ่งโครงการ iTAP Big Impact จะสามารถช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้โดยทันที ให้ผลอย่างแท้จริง และตรงกับความต้องการของเอสเอ็มอีอีกด้วย
              เพื่อที่จะเร่งพัฒนาด้วยการใช้วิทยาศาสตร์นำเศรษฐกิจได้อย่างเร่งด่วนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และเพื่อสร้างผลกระทบแก่ประเทศได้ในวงกว้าง เราจึงต้องจัดความสำคัญเร่งให้เกิดการดำเนินงานที่จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีให้กับ 3 ภาคการผลิตหลักที่สำคัญระดับมหภาคของประเทศ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคนไทยจำนวนมาก นั่นก็คือ การผลิตข้าว การเลี้ยงไก่ และการอบยางพารา  ภายใต้โครงการ iTAP Big Impact เราได้พัฒนาเทคนิคทางวิศวกรรมที่ง่ายต่อการดำเนินงานในการปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันทีกับโรงสีข้าวกว่า 43,000 แห่ง ฟาร์มไก่ 64,000 แห่ง และเตาอบยางแผ่นรมควันอีก 660 แห่งทั่วประเทศ
              ศ. ดร. ชัชนาถ เทพธรานนท์ ผู้ก่อตั้งโครงการ iTAP และรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  กล่าวว่า “ภายใต้โครงการ iTAP Big Impact เราได้พัฒนาเทคนิคที่ง่ายต่อการดำเนินงานในการปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น  ด้วยเทคนิควิศวกรรมซึ่งไม่ซับซ้อน  เราสามารถเพิ่มกำไร 20% ให้กับเอสเอ็มอีโรงสีข้าว  โดยการให้คำปรึกษา ฝึกอบรมทางเทคนิคง่ายๆ แก่ผู้ประกอบการโรงสีข้าว เช่น ให้สามารถปรับระยะห่างระหว่างลูกยางกระเทาะข้าวให้ถูกต้องเหมาะสม  โรงสีสามารถลดการหักของเมล็ดข้าว เพิ่มคุณภาพผลผลิตได้อย่างชัดเจน  นอกจากนี้ โครงการยังมีเทคนิคการปรับตั้งค่าเครื่องจักรให้การสีข้าวให้มีประสิทธิภาพในการสีข้าวเพียงรอบเดียว ไม่ต้องสีซ้ำหลายครั้ง ลดการสิ้นเปลือง ซึ่งจากเดิมจำเป็นต้องมีการสีข้าวซ้ำ เนื่องจากการสีในรอบแรกยังมีข้าวเปลือกเหลือปนอยู่จำนวนมาก ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือโรงสีสามารถเพิ่มปริมาณการสีข้าวในแต่ละวันได้ 2 เท่า คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 6-12 ล้านบาทต่อปีต่อโรง สำหรับโรงสีข้าวที่มีกำลังผลิต 60-120 ตันต่อวัน  ยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการสีข้าวได้อย่างชัดเจนถึง 50% ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

             เกษตรกรชาวสวนยาง จะได้รับประโยชน์จากโครงการ iTAP Big Impact นี้ไม่น้อยเช่นกันทั่วประเทศมีโรงอบยางแผ่นรมควันอยู่ประมาณ 660 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ของเกษตรกรสวนยาง เนื่องจากน้ำยางสดที่กรีดได้จากต้นยางจะเสียได้ง่าย เกษตรกรจึงจำเป็นต้องพึ่งกระบวนการอบยางรมควันเพื่อรักษาน้ำยางไม่ให้เสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ราคาน้ำยางสดตกต่ำ ดังนั้นการมีปริมาณเตาอบยางที่ต้นทุนต่อการอบแต่ละครั้งต่ำเป็นจำนวนมากพอ จึงสำคัญอย่างมากสำหรับเกษตรกรชาวสวนยางซึ่งมีรายได้น้อย
              iTAP จึงได้ส่งผู้เชียวชาญด้านวิศวกรรมไปช่วยพัฒนาออกแบบเตาที่ทันสมัยมีต้นทุนต่ำ และติดตั้งง่ายขึ้น  เตาอบแบบใหม่นี้ช่วยให้นำความร้อนเข้าไปในห้องอบรมควันเร็วขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่า สามารถควบคุมปริมาณและการแผ่กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึงสม่ำเสมอยิ่งขึ้น ส่งผลให้ได้แผ่นยางที่มีคุณภาพดีขึ้น และลดเวลาที่ใช้ในการอบยางแผ่นรมควันลง 25% ในขณะเดียวกัน เตาอบแบบใหม่นี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ประมาณ 40% ได้มากกว่า 92,000 บาทต่อเตาต่อปี สำหรับขนาดโรงอบยางรมควันมาตรฐานของสหกรณ์กองทุนสวนยาง โดยรวมแล้วเมื่อพิจารณาทุกปัจจัยแล้ว เตาอบยางแบบใหม่หนึ่งเตาสามารถจะเพิ่มกำไรให้สหกรณ์สวนยางได้ประมาณ ปีละ 165,000 บาทเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น เตาอบแบบใหม่นี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ได้ถึงห้าเท่า


              เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ได้ประโยชน์จากโครงการ iTAP Big Impact เช่นเดียวกัน ประเทศไทยมีโรงเรือนเลี้ยงไก่อยู่ประมาณ 64,000 แห่งทั่วประเทศ  แต่ละโรงเรือนเลี้ยงไก่โดยเฉลี่ย 13,000-15,000 ตัว ผู้ประกอบการมีตั้งแต่ขนาดย่อมถึงขนาดใหญ่ ซึ่งในปี 2551 ผู้ประกอบการฟาร์มไก่สร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกเนื้อไก่ได้กว่า 51,600 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่า หากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของธุรกิจการเลี้ยงไก่ได้ จะส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศ  จุดที่เราให้ความสำคัญยังอยู่ที่การหาเทคนิคง่ายๆ

ที่ผู้ประกอบการจะประยุกต์ใช้ได้เพื่อลดต้นทุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต จากที่ได้ดำเนินโครงการนำร่องไป เราพบว่า การปรับเปลี่ยนพัดลมระบายอากาศที่ใช้โรงเลี้ยงไก่เป็นจุดง่ายๆ ที่จะสร้างผลกระทบได้มาก ที่จะช่วยให้เกิด Big Impact กับผู้ประกอบการโรงเรือนเลี้ยงไก่ได้ โดยอาศัยการลงทุนที่ต่ำ
              พัดลมนำเข้าใช้พลังงานสิ้นเปลือง เมื่อเทียบกับพัดลมที่นิยมใช้ในปัจจุบัน พัดลมระบายอากาศที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีนี้ สามารถทำให้โรงเลี้ยงไก่ใช้ไฟน้อยลงประมาณ 23% หรือคิดเป็น 20,000 บาทต่อโรงเรือนต่อปีจากโครงการนำร่องที่ได้พิสูจน์มาแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นการประหยัดเงินได้ไม่น้อยสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ที่หลายรายก็ต้องประสบปัญหาทางธุรกิจอย่างหนักจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกที่ผ่านมา อีกทั้งถ้าคูณจำนวนโรงเรือนเลี้ยงไก่ที่มีอยู่ 64,000 แห่งทั่วประเทศแล้ว ยังมีศักยภาพที่ช่วยประหยัดการใช้พลังงานของประเทศได้กว่า 1,200 ล้านบาท
              โครงการ iTAP ตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีแก่เอสเอ็มอี สำหรับเอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้แก่ 02-564 7000 ต่อ iTAP หรือ www.tmc.nstda.or.th/itap

   

เขียนข่าวโดย  :  นายปราโมทย์  ป้องสุธาธาร  โทร. 0-2354-4466 ต่อ 118 
                          โทรสาร 02-354-3763     E-Mail : 
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
ถ่ายภาพโดย    :  น.ส.สุนิสา  ภาคเพียร  โทร. 0-2354-4466 ต่อ 199

 

 

Tags iTAP - iTAP Big Impact - SMEs
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
» ก.วิทย์ โดย ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือ สสว. จัดเวทีนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับหาเงินทุนหรือผู้ร่วมทุน พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพไอซีทีไทยในระดับนานาชาติ
» ก.วิทย์ สวทช. ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ และ TCDCจัดเวิร์กช็อปสร้างไอเดียผู้ประกอบการ ออกแบบผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพขานรับแนวโน้มช็อปแบบคนชราแห่งอนาคต
» Aerospace Economy Oppurtunities for SMEs
» สวทช. ร่วมกับ สภาหอการค้าฯ เปิดตัวผลสำเร็จ 17 เอสเอ็มอีผักและผลไม้ไทย ที่พร้อมแข่งขันในตลาดเออีซีด้วย ThaiGAP ในงาน THAIFEX2016
» ก.วิทย์ฯ เดินหน้า ‘โมเดลประเทศไทย 4.0’ ร่วมลงนามเอ็มโอยูกับบริษัทซอฟแวร์ยักษ์ใหญ่
» วว.ร่วมมือพันธมิตรในโครงการสินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว
» โครงการ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี)
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป