กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พิมพ์ PDF


    ช่วงนี้เป็นที่น่ายินดีนะครับที่ กิจกรรม “BIKE FOR DAD ปั่นเพื่อพ่อ” ซึ่งเรากำหนดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคมนี้  ได้มีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม โดยมียอดผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมในกรุงเทพฯ เต็มแล้ว 1 แสนคน ต่างจังหวัดอีก 2 แสนกว่าคน  และต่างประเทศอีกเกือบ 1 หมื่นคน รวมมีผู้ลงทะเบียนปั่นจักรยานประมาณ 350,000 คนแล้วในขณะนี้
สำหรับวันนี้นั้นมีเรื่องสำคัญที่จะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้นะครับ
 
    สำหรับความคืบหน้าการเตรียมความพร้อม การกำหนดเส้นทางปั่นจักรยานหรือ“เส้นทางสิริมงคล” ตามสถานที่สำคัญของแต่ละจังหวัด หรือสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในพื้นที่นั้นได้ดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ  จากนี้ก็คงต้องปรับปรุงให้มีความปลอดภัย สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้การถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพ่อของแผ่นดิน เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ รวมทั้งเพื่อสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ และน่าประทับใจสู่สายตาชาวโลกร่วมกันอีกครั้ง เป็นการรณรงค์และปลูกฝัง การปฏิบัติตามกฎจราจร และการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยในทุกพื้นที่อีกด้วย ก็ขอร้องให้ประชาชนทุกคนช่วยกันดูแลพื้นที่ที่จะทำกิจกรรมให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด  จะต้องไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
 
    สำหรับวันนี้นั้นมีเรื่องสำคัญที่จะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้นะครับ
  - ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ได้อนุมัติการปฏิรูปขั้นตอน และลดระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) ในโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น หรือที่เรียกว่า “PPP fast track” เป็นการรวบรวมหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินงาน ลดระยะเวลาจากเดิมกว่าจะผ่านขั้นตอนและเริ่มลงทุนได้ ต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี วันนี้เราต้องลดขั้นตอนลงเหลือ 9 เดือน ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะเรามีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเข้าสู่การพิจารณา มูลค่ารวมกว่า 3.47 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและปานกลาง ที่ผ่านมาการลงทุนภาคเอกชนในประเทศไทยน้อยมาก ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตด้อยลง เพราะไม่มีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และกระทบกับการส่งออก ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

     สำหรับจำนวนโครงการลงทุนที่เข้าสู่กระบวนการ “PPP fast track” แล้ว มีหลาย โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)  โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง),โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา โครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี  โครงการโรงงานขยะ อบจ.นนทบุรี โครงการโรงงานขยะเทศบาลนครราชสีมา และโครงการพัฒนาพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ศูนย์ธุรกิจพาณิชย์นาวี (Maritime Business Center)

    อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม “PPP fast track” จะไม่รวมถึงกระบวนการตรวจสอบและการคัดเลือกภาคเอกชนมาร่วม ทั้งนี้ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้กรอบกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ไม่ได้มีการปรับแก้กฎหมาย หรือกฎระเบียบแต่อย่างใด หลายคนก็มากล่าวหาว่าจะมาทุจริตกันอีก เอื้อประโยชน์อะไรกันอีก ก็ต่อต้านไปทุกเรื่อง ก็เกิดไม่ได้ทั้งหมด ทุกโครงการไม่จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ ก็แล้วแต่โครงการที่เหมาะสม เราก็จะมุ่งเน้นไปที่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หากเราไม่ใช่วิธีนี้ให้เร็วขึ้น รัฐก็จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลทั้งหมด ซึ่งเรายังไม่มีรายได้เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมาร่วมมือ แต่ต้องเป็นการแข่งขันแบบเสรีและมีความเป็นธรรม

   วันนี้เรามีตัวอย่างโครงการที่ประสานคุณค่าและประโยชน์ของการอนุรักษ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในลักษณะกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) คือ ชุมชนริมน้ำจันทบูร จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่มีอายุกว่า 150 ปี มีโครงการบ้านพัก – พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของหลวงราชไมตรีเป็นตัวชูโรง ซึ่งเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องในชุมชนกันเอง ถือหุ้น เป็นเจ้าของร่วมกัน ช่วยกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรม ฟื้นฟูย่านประวัติศาสตร์ รักษาสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชน ครอบคลุมมิติสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ โดยนำเสนอให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ ในชุมชน ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของตน เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่ดีในการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน อยากให้พี่น้องในแต่ละชุมชนทั่วประเทศ มีหลายแห่งที่มีศักยภาพทั้งสิ้น ชุมชนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ให้ช่วยกันศึกษาและหา “จุดแข็ง” ทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี งานฝีมือ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และประวัติศาสตร์ มาเป็น “จุดขาย” ในการจะสร้างเศรษฐกิจชุมชนของตนให้เข้มแข็งต่อไป

    อีก 2 เดือน เราก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ดังนั้น ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมของเราได้จัดให้มีงาน “OTOP TO AEC...มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” ระหว่างวันที่ 3 – 25 พฤศจิกายน 2558 เพื่อแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP  ระดับ 3 - 5 ดาว จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพในการส่งออกต่างประเทศ มาจัดแสดงและจำหน่ายกว่า 330 รายการ นอกจากนั้นมีการส่งเสริมความรู้ด้านการเจรจาธุรกิจ การตลาด การออกแบบ การเงินให้กับผู้ร่วมงานที่สนใจ ทั้งผู้ประกอบการและผู้ที่มาเยี่ยมชมด้วย รวมความถึงผู้ที่อยากจะทำธุรกิจใหม่ ๆ และมีการประเมินสินค้าที่นำมาด้วย ให้คำแนะนำ เพื่อพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งให้มีการขยายกิจการมากขึ้น เพิ่มมูลค่ามากขึ้น เน้นคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญ มี “ศูนย์บริการร่วมของกระทรวงมหาดไทย” มาให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ที่เข้าเยี่ยมชมภายในงานอีกด้วย อาทิ การบริการทำบัตรประชาชนเคลื่อนที่ ใครที่บัตรเก่า บัตรชำรุด มาทำให้เรียบร้อยใช้เวลาไม่นาน การแจกแบบแปลนบ้าน และการแนะนำวิธีการประเมินที่ดิน เป็นต้น ขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่าน เรามาร่วมซื้อหาสินค้าฝีมือคนไทย  มาตรฐานโลก หาความรู้ทางธุรกิจ และรับบริการต่าง ๆ ได้ภายในงาน ถามได้ทุกเรื่องถ้าเขาตอบไม่ได้เขาก็จะไปถามคนอื่นให้ หรือส่งต่อให้ใครตอบท่าน

    ท้ายที่สุดนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมกันสืบสานและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย พาลูกหลานไปชมนาฏศิลป์ชั้นสูงของชาติ ที่จะมีการแสดงหลายรอบ โดยโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ชุด “ศึกอินทรชิต” ตอนพรหมาศ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคมนี้ ผู้สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่www.khonperformance.com ผมและคณะรัฐมนตรีก็จะไปชมในรอบแรกด้วย ขอเชิญชวน ต้องไปดูให้เป็น ไปดูการแต่งตัว ท่าทาง ซึ่งแตกต่างกันออกไป ถ้าดูผิวเผินไม่สนุกก็จะเบื่อกัน ซึ่งเราเบื่อวัฒนธรรมเราเองไม่ได้ ผมคิดอย่างนั้น อยากจะให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่าเราจะทำอย่างไร จะได้เกิดความภาคภูมิใจในประวุติศาสตร์ชาติพันธุ์ของเรา วัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม ซึ่งต่างประเทศมาเที่ยวบ้านเราเพราะอย่างนี้ แต่คนของเราเองกลับไม่ชอบ อย่างนี้ผมว่าไม่ใช่ หลายประเทศมีแต่ต้องหาความรู้ให้มากขึ้น เพื่อจะไปบอกเล่าเชิญชวนคนเข้ามาเป็นเจ้าบ้านที่ดี ดูแลเรื่องความปลอดภัย ของเราจะเอาแต่เงินอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ไม่ได้ ผมพูดถึงคนไม่ดี คนที่เอาแต่ประโยชน์ส่วนตน คนดีก็มากกว่าอยู่แล้ว ช่วยทำให้คนไม่ดีกลายเป็นคนดี ขอบคุณครับ 

สรุปสาระโดย: กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ข้อมูลจาก: เว็บไซต์รัฐบาลไทย
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
» Infographic รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2558 โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
» สรุปสาระสำคัญ “รายการคืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป