กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน ดร.พิเชฐ ชี้ ราชการต้องเปลี่ยนการสนับสนุนทุนมาเป็นสนับสนุนตลาดนวัตกรรม โดยจับมือกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนากำลังคนเสริมแกร่งภาคเอกชน

ดร.พิเชฐ ชี้ ราชการต้องเปลี่ยนการสนับสนุนทุนมาเป็นสนับสนุนตลาดนวัตกรรม โดยจับมือกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนากำลังคนเสริมแกร่งภาคเอกชน

พิมพ์ PDF

 

 
       ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บรรยายพิเศษ เรื่อง "บทบาทของมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ" ในการประชุมระดมสมอง คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT Retreat) ครั้งที่23 ณ โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพฯ
 
     ดร.พิเชฐ กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำหน้าที่ผลักดันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและ นวัตกรรมเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาประเทศสำหรับการลงทุนการสร้างความรู้ ในการวิจัยและนวัตกรรม ขณะนี้เพิ่มจาก 1% อีก 0.5 % ของจีดีพี ซึ่งเป็นตัวเลขที่มาจากภาครัฐและภาคเอกชนรวมกัน โดยเฉพาะภาคเอกชนดีขึ้นเป็นลำดับ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการประชุมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ทำให้ทราบว่ามีการสำรวจบริษัทภายในประเทศญี่ปุ่นพบว่า ในปี พ.ศ. 2558 มีบริษัทที่ลงทุนด้านการวิจัยสูงเป็นประวัติการ สิ่งเหล่านี้สามารถบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษี 300% ในวันนี้เราทำได้แล้ว การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้ผลงานวิจัยในภาครัฐรองรับความต้องการเชิงพาณิชย์ที่จริงแล้ว ยังเชื่อมโยงการวิจัยกับภาคเอกชนเพื่อให้มีนวัตกรรมในการลดต้นทุนและสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อการส่งออกและบริโภคภายในประเทศ และที่ผ่านมาภาคเอกชนมีความสนใจในคูปองนวัตกรรมมาก โครงการนี้เพิ่มขึ้นเป็น 500,000,000 บาท โครงการคูปองนวัตกรรมได้สนับสนุนทุนเพิ่มจากเดิม 400,000 บาทเป็น 1,500,000 บาท ทั้งนี้มีเอกชนร่วมลงทุนด้วยหากมีการประเมินที่ดีปีต่อไปก็จะมีเงินทุนให้มากขึ้นในการสนับสนุน SME 
 
     ดร.พิเชฐ กล่าวอีกว่า โครงการ Talent Mobility ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 จนถึงขณะนี้ สถิติจากผู้ที่เข้าไปทำงานร่วมกับภาคเอกชนมีจำนวน 100 คน ไม่นับรวมนักวิจัยที่เป็นนักศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอีก 64 คน โครงการนี้บ่มเพาะทำให้เกิดการเรียนรู้ การสร้างเครือข่าย การกระจายออกไปยังภูมิภาค และขณะนี้มีภาคเอกชนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในการสร้างพื้นที่นวัตกรรมพิเศษ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พยายามเร่งสร้างพัฒนาคนกำลังเพื่อรองรองรับโครงการดังกล่าว  ที่จะมีการขยายการลงทุนด้านนวัตกรรมของไทย โดยทำควบคู่ไปกับ Maga Project ของรัฐบาลที่กำลังจะลงทุน เช่น ระบบราง การบริหารจัดการน้ำหรือระบบพลังทั้งหลาย  วันนี้เรากำลังพัฒนาด้านบุคลากร ด้านเทคโนโลยีให้ควบคู่ไปกับการสร้างรถไฟฟ้าทางคู่หรือรถไฟความเร็วสูงได้ในอนาคต วันนี้รัฐบาลมีความยินดีที่จะสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะประเทศไทยยังมีการลงทุนไม่เพียงพอ เราพยายามทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนของระบบมาตรฐานในประเทศไทยภายใต้โครงการ MSTQ ซึ่งหมายถีงการมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ของระบบการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมให้ครบ จากความร่วมมือของกระทรวงต่างๆ เห็นได้ชัดเจนว่าการออกใบรับรองมาตรฐานในประเทศไทยมีอะไรที่ยังขาดอยู่บ้าง  และคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในปี้นี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะนำร่อง โดยนำห้องฏิบัติการทั้งหลายที่มีห้องแล็บในการสอบเทียบมาทำเป็น One Stop Service  
 
   รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า จากที่ได้มีโอกาสคุยกับบริษัทรายใหญ่หลายรายในประเทศญี่ปุ่น บริษัทในประเทศญี่ปุ่นขาดแคลนบุคลากรด้าน Quality Engineering จำนวนมาก และขณะนี้ ธุรกิจประเภท SME ในประเทศญี่ปุ่นที่จะย้ายเข้ามาทำในประเทศไทยมีมากขึ้น และในอนาคตเราจะเอา SME ของไทยไปไว้ที่ไหน ในอีกแง่หนึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสที่จะยกระดับ SME ไทย โดยการสร้างปฏิสัมพันธ์กับ SME ในประเทศญี่ปุ่น การแสดงศักยภาพ เพื่อให้เกิดการลงทุนร่วมกัน ที่สำคัญเราต้องพัฒนากำลังคนเพื่อให้เอกชนสามารถลดต้นทุนในการทำ Trianning ให้กับบัณฑิตที่จบไปแล้วแต่ยังไม่สามารถหางานทำได้ 
นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนนวัตกรรมขึ้น เพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งมีความโดดเด่น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีการเกษตร และเทคโนโลยีด้านไอทีและชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อเป็นส่วนช่วยบ่มเพาะธุรกิจที่มีความสามารถ แต่อาจยังขาดสภาพคล่อง โดยรัฐบาลจะเตรียมงบประมาณปีละ 500 ล้านบาทเพื่อสมทบในกองทุนและพยายามหาภาคเอกชนที่สนใจลงทุนร่วมอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งกลไกนี้จะช่วยสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีแล้ว และช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตของธุรกิจเงินร่วมลงทุนไปพร้อมกัน  ในวันนี้เรามีความร่วมมือกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)เรื่องการค้ำประกันเงินกู้สำหรับเงินกู้ และจะเสนอรัฐบาลเรื่องเงินบริจาคเข้ากองทุนนวัตกรรมต่างๆ บริจาค 100 บาท สามารถหักภาษีได้ 200 บาท กฎหมายที่กำลังจะออกในเร็วๆนี้ คือ การมอบความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาโดยนำงานวิจัยบนหิ้งไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อได้ ในภาพรวม 12 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการปูพื้นในระดับแรก และอีก 12 เดือนข้างหน้าเราต้องหามิติที่ทำให้เรามีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมไปถึงการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงและภาคเอกชนให้มากขึ้น 
 
   ดร.พิเชฐ กล่าวว่า  การดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของไทยร่วมกับต่างประเทศ การทูตวิทยาศาสตร์คือการสร้างปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศในหลายเรื่อง เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ การสร้างความเข้าใจและอธิบายสถานการณ์ทางการเมืองต่อนานาประเทศ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านกลไกความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ประจำจังหวัด ซึ่งที่ปรึกษานี้อาจเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้แทนภาคเอกชน หรือปราญ์ชาวบ้าน ที่ประสบความสำเร็จในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปพัฒนาความเข้มแข็งของจังหวัด มาให้คำปรึกษา ร่วมวางแผนและพัฒนาจังหวัดตามบริบทของพื้นที่และประโยชน์สูงสุดที่เกิดขึ้นกับจังหวัด หากทำสำเร็จการกระจายยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับจังหวัดจะเกิดขึ้นและมีการนำร่อง กับภาคใต้ 4-5 จังหวัด เพื่อ Kick off จุดนี้และท้ายสุดจะทำให้จังหวัดสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 
หลังจากการบรรยายดังกล่าว ในที่ประชุมได้มีการอภิปรายถึงประเด็นการทำ Startup society เกิดขึ้นได้โดยอาจารย์และนักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก มีความเข้าใจและมีแรงจะกระตุ้นทำ  Startup society เกิดขึ้นได้จากในมหาวิทยาลัย เพราะเป็นศูนย์รวมของคนที่มีวิธีคิดนอกกรอบได้ได้โดยไม่มีขีดจำกัด แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยคือเราไม่มี Business Angel หากเราช่วยกันผลักดันได้ เราจะมีนักศึกษาที่จบระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ที่มีความคิดอยาก Startup และสามารถทำได้จริงโดยเร็วที่สุด และสิ่งสำคัญคือราชการจะต้องเป็นตลาดเริ่มต้นของนวัตกรรม โดยเปลี่ยนจากการสนับสนุนเงินทุนมาเริ่มเป็นตลาดนวัตกรรม 
 
     ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ขณะนี้ นายกรัฐมนตรีได้เร่งพัฒนาสหกรณ์ให้มีความสำคัญมากขึ้นและทำอย่างไร Inovation ที่เราทำกันอยู่ที่จะสามารถทำให้สหกรณ์เข้ามาลงทุนโดยการซื้อหรือการพัฒนาต่อยอดแล้วนำเอาไปใช้ร่วมกัน และนายกรัฐมนตรีได้ฝากถึงเรื่อง Social business ศูนย์การเรียนรู้ต้องทำบนโครงสร้างที่มีอยู่แล้ว ไม่ลงทุนเพิ่ม เช่น หน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มี สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)(สดร.)  องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพ.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สามารถเข้ามาช่วยได้มากเพราะมีโครงการ ABCและมีความรู้พื้นที่เป็นอย่างดี และอยากเห็นศูนย์การเรียนรู้ที่มีวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด โดยขอให้ สกว. ช่วยพิจารณาในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะสนับสนุนเครื่องมือเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ และสุดท้ายที่อยากเห็นคือ Talent Management System Thailand ในประเทศไทย เพราะมีการผลิตกันมาก เรื่องนักเรียนทุน เรื่องการสร้างคนแนวใหม่ แต่ปลายทางขาดคนจัดการซึ่งทำให้การลงทุนการพัฒนาคนยังไม่ดีเท่าที่ควร 
 
ข่าวโดย : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ
ถ่ายภาพและวีดิโอ : นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์ , นางสาวสุนิสา ภาคเพียร นาวงษ์
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
Facebook : sciencethailand
 
 
 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป