กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพการประชุมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอาเซียน ซึ่ง คณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Committee on Science and Technology: COST) ได้มีการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2521 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และยกระดับความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยประสานงานหลักของประเทศไทยในกรอบ ASEAN COST
การประชุม ASEAN COST กำหนดจัดประชุมปีละ 2 ครั้ง เพื่อติดตามความร่วมมือในด้านต่าง ๆ การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอาเซียน รวมทั้งการบริหารกองทุนวิทยาศาสตร์อาเซียน โดยประเทศสมาชิกหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
การประชุม ASEAN COST ได้จัดมาแล้ว 68 ครั้ง
-การประชุม ครั้งที่ 67 จัดที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนเมษายน ๒๕๕๗
-การประชุม ครั้งที่ 68 จัดที่ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์อาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Informal ASEAN Ministerial Meeting on Science and Technology: IAMMST) ครั้งที่ 6 และการประชุม ASEAN COST ครั้งที่ 60 เมื่อเดือนธันวาคม 2553 ณ จังหวัดกระบี่ ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น รัฐมนตรีอาเซียนได้เห็นชอบข้อริเริ่มกระบี่ (Krabi Initiative) ซึ่งเป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ปี 2558-2563 (ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation : APASTI 2015-2020) และเห็นชอบข้อริเริ่มความร่วมมือที่ประเทศไทยเสนอใน 3 เรื่อง ได้แก่ความร่วมมือด้านมาตรวิทยา เทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน
การประชุม ASEAN COST ครั้งที่ 69
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ASEAN COST ครั้งที่ 69 ระหว่างวันที่ 21-30 พฤษภาคม 2558 ณ โรงแรม Mövenpick Resort & Spa Karon Beach Phuket จังหวัดภูเก็ต เพื่อผลักดันการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน โดยมีกำหนดการดังนี้
วันที่ 21-24 พฤษภาคม 2558 - การประชุม Side Events
วันที่ 25-26 พฤษภาคม 2558 - การประชุม Sub-Committees
วันที่ 27 พฤษภาคม 2558 - การประชุม ABASF/ABAPAST
วันที่ 28-29 พฤษภาคม 2558 - การประชุม ASEAN COST
ประเด็นที่จะหารือในการประชุม ASEAN COST ครั้งที่ 69 มี ดังนี้
-สถานะกองทุนวิทยาศาสตร์อาเซียน
-การจัดทำ ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation (APASTI) 2015-2020
-สถานะความร่วมมือของคณะอนุกรรมการอาเซียนใน 9 สาขา ได้แก่
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร อุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ วัสดุศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพ การวิจัยพลังงานอย่างยั่งยืน วิทยาศาสตร์ทางทะเล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้
-สถานะความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา
-การเตรียมการจัดประชุมรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์อาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting on Science and Technology: AMMST) ครั้งที่ 16 ณ สปป.ลาว
ประเด็นที่ไทยจะผลักดัน
1. การจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ฉบับปี 2558-2563 (ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation 2015-2020 - APASTI) ประเทศไทยในฐานะประธาน Advisory Body of ASEAN Plan of Action on Science and Technology (ABAPAST) จะเป็นประธานการประชุม ABAPAST เพื่อพิจารณาการจัดทำ ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation (APASTI) 2015-2020 ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ COST เป็น COSTI เน้นความร่วมมือในด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้น การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การบริหารงบประมาณ
2. การเคลื่อนย้ายกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Talent Mobility – ATM) (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ)
เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ในอาเซียน เพื่อพัฒนากลไกในการเข้าถึงบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจาในสาขาที่ขาดแคลน และสร้างโอกาสสำหรับหน่วยงานวิจัยในอาเซียนและประเทศคู่เจรจา
3. ความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ (สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) )
เพื่อสร้างความร่วมมือด้านวิจัย และ พัฒนา เพื่อเกิดระบบข้อมูลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกันในระดับภูมิภาค ส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจทั้งระดับชุมชน และ ระดับประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการน้ำ นำไปสู่การป้องกันภัยพิบัติในระดับอาเซียน
4. ความร่วมมือด้านมาตรวิทยา
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ในฐานะผู้ประสานงานไทยในคณะ Expert Group on Metrology (EGM) จะจัดประชุม Expert Group on Metrology (EGM) ครั้งที่ 3 เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ได้แก่
1) พิจารณา Policy Recommendation เกี่ยวกับความร่วมมือด้านมาตรวิทยาของอาเซียน เพื่อโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการเปิดและพัฒนา AEC ซึ่งได้แก่การสร้างอาเซียนให้เป็น Single Market และ Single Production Base ที่มั่นคงและสามารถดึงดูดการลงทุนได้
2) พิจารณาแผนงานการเปรียบเทียบผลการวัดระหว่างสถาบันมาตรวิทยาของประเทศ สมาชิกอาเซียน (ASEAN Comparison) แผนงานการถ่ายทอดความสามารถสอบกลับได้ทางมาตรวิทยาในอาเซียน (ASEAN Metrological Traceability Chain) และแผนงานการพัฒนาศักยภาพของนักมาตรวิทยาของสถาบันมาตรวิทยาของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งแผนงานเหล่านี้สถาบันมาตรวิทยาของประเทศสมาชิกอาเซียนได้แบ่งกันไปรวบรวมข้อมูลและจัดทำ
ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากมาตรวิทยาเพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ (Quality Infrastructure: QI) ของอาเซียนสมบูรณ์ และต้องการให้มีการจัดทำ roadmap ของการพัฒนามาตรวิทยาระดับอาเซียน รวมทั้งการพัฒนากรอบที่จะมีมาตรฐานการวัดอ้างอิงร่วมของอาเซียน เพื่อประโยชน์การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการส่งออกอาหารและสินค้าเกษตร
5. ความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน (สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) )
เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการใช้ประโยชน์จากแสงซินโครตรอนให้กับประเทศสมาชิกอาเซียน เนื่องจากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญด้าน วทน.ของอาเซียน และเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม การแพทย์ และการเกษตร
6. ความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) เสนอจัดตั้ง ASEAN Regional Training Center for Space Technology and Applications โดยประเทศไทยยินดีสนับสนุนการใช้พื้นที่และทรัพยากร ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่ง สทอภ. มีความพร้อมอยู่แล้ว ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ของอาเซียน
นอกจากนี้จะร่วมกับตัวแทนประเทศเวียดนามในการนำเสนอผลการดำเนินงานโครงการความร่วมมือระบบดาวเทียมเวียดนาม-ไทย ปีที่ ๒ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องสำหรับความร่วมมือระบบดาวเทียมเสมือนอาเซียน (ASEAN Virtual Constellation) ที่อาจมีขึ้นในอนาคต (ระบบดาวเทียมเสมือนนี้ หมายถึงการสร้างระบบที่ประกอบด้วยดาวเทียมต่างชนิดกัน หรือจากระบบที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความถี่ของการถ่ายภาพ เพิ่มพื้นที่ของการถ่ายภาพเพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้งานได้ทันเวลา และมีประสิทธิภาพมากขึ้น)
7. ความร่วมมือด้านดาราศาสตร์
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เสนอ Proposal for the recognition of Southeast Asia Astronomy Network at ASEAN COST
8. ด้านการรับรอง/มาตรฐาน
กรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นหน่วยรับรองความสามารถบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 แห่งแรกของไทย โดยสาขาแรกที่เปิดให้การรับรองคือ “การควบคุมและจัดการสารเคมีในห้องปฏิบัติการ” และเล็งเห็นความสำคัญของการเคลื่อนย้ายบุคลากรคุณภาพในภาคเศรษฐกิจของอาเซียน จึงได้ริเริ่มการสร้างความร่วมมือด้านการรับรองความสามารถบุคลากร จะเสนอ Proposal on ASEAN Certification for Persons on Science and Technology ต่อที่ประชุม ASEAN COST ครั้งที่ 69 ผ่าน Sub-Committee on Infrastructure and Resource Development-SCIRD ซึ่งจะมีการจัดตั้งคณะทำงานการรับรองบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับการจัดทำขอบข่ายสมรรถนะสาขาต่างๆ สำหรับการจัดทำ “ข้อตกลงยอมรับร่วมอาเซียน” ต่อไป
9. ความร่วมมือด้านพลังงาน
-การสร้างเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการสร้างความตระหนักในผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในภูมิภาคอาเซียน
ตามที่มีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2554 และไม่เพียงก่อให้เกิดผลกระทบเพียงแค่ในประเทศที่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าฯ แต่ยังสามารถส่งผลกระทบทั้งทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ในระดับภูมิภาค กอปรกับที่ประเทศเวียดนามได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์รวม 4 โรงกับประเทศรัสเซีย และประเทศญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ในฐานะสถาบันวิจัยทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ จึงเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างความตระหนักในผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ โดยเครือข่ายนี้จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เข้าด้วยกัน เพื่อแบ่งปันข้อมูลและองค์ความรู้ที่มีอยู่ และร่วมมือกันทำการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ดังกล่าว หรือโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคในอนาคต และระดมสมองเพื่อหาวิธีป้องกัน และรับมืออย่างทันท่วงทีหากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเสนอข้อเสนอ “การสร้างเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการสร้างความตระหนักในผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในภูมิภาคอาเซียน” และเป็นผู้นำในการผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน ในSubcommittee on Sustainable Energy Research (SCSCER) รวมทั้ง จะเสนอแผนการจะจัดการประชุมครั้งแรกในการประชุม ASEAN-COST ครั้งที่ 70
-การจัดตั้ง ASEAN Network on Biomass Open Research (ANBOR)
วิกฤติพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน แต่ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงด้านการผลิตชีวมวลที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานในทุกรูปแบบทั้ง เชื้อเพลิง ความร้อน และไฟฟ้า
เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค การสร้างความร่วมมือในการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมด้านชีวมวล พลังงานชีวภาพ และวัสดุชีวภาพ จากผู้เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่มูลค่าที่ประกอบด้วย ๔ กลุ่ม คือ กลุ่มนโยบาย กลุ่มสนับสนุนทุน กลุ่มวิจัยพัฒนา และกลุ่มอุตสาหกรรม/ธุรกิจ จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จึงได้บรรจุเป็นกิจกรรมใน ASEAN-MOST Action Plan (2015-2020) และเป็นประเด็นนำเสนอให้มีการจัดตั้ง ASEAN Network on Biomass Open Research (ANBOR) ในที่ประชุม ASEAN Sub-Committee on Sustainable Energy Research (SCSER) ของ ASEAN COST ครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ANBOR เป็นเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการอย่างครบวงจรในการสร้างความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้าน ชีวมวล พลังงานชีวภาพ และวัสดุชีวภาพ เพื่อนำไปสู่การสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน
กิจกรรมที่ประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการในเบื้องต้น คือ การจัดประชุมเพื่อพัฒนาแนวทางการประเมินศักยภาพชีวมวลของแต่ละประเทศเพื่อให้เห็นภาพรวมของทั้งภูมิภาค และการจัดอบรมเทคโนโลยีการผลิตไบโอดีเซลคุณภาพสูงจากพืชที่ไม่ใช่อาหาร
มุมมองของ National COST-Chair ประเทศไทย
ในการประชุมครั้งนี้ มีประเด็นที่ประเทศไทยจะผลักดันหลาย ๆ ด้าน อาทิ การเคลื่อนย้ายกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอาเซียนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน (ASEAN Talent Mobility – ATM) การจัดการทรัพยากรน้ำ มาตรวิทยา ดาราศาสตร์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน และเทคโนโลยีอวกาศ การจัดประชุมในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสดีในการผลักดันให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในเวทีอาเซียน และผลักดันกิจกรรม/โครงการที่ไทยเป็นผู้ริเริ่ม ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปลายปี ๒๕๕๘ นี้