กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน ก.วิทย์ฯ เผยผลสำเร็จ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เปิดรับผลไม้ฉายรังสีของไทยเข้าประเทศเป็นครั้งแรก

ก.วิทย์ฯ เผยผลสำเร็จ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เปิดรับผลไม้ฉายรังสีของไทยเข้าประเทศเป็นครั้งแรก

พิมพ์ PDF

 

      วันนี้ 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 11.00 น. ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในประเด็น “ผลงานความสำเร็จของ สถาบันนิวเคลียร์แห่งชาติ ที่ทำให้นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เปิดรับผลไม้ฉายรังสีของไทยเข้าประเทศครั้งแรก และพลาดไม่ได้กับย้ำถึงความปลอดภัยของมาตราการเฝ้าระวังรังสีตลอด 24 ชั่วโมงตามมาตราฐานสากลของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ” พร้อมด้วย รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายสมชาย เทียมบุญประเสริฐ รองปลัดดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าร่วมงานดังกล่าว ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ได้นำผลผลิตแห่งความสำเร็จมานำเสนอด้วย 

  

 

 

      “ดร.พิเชฐ” เผยผลสำเร็จ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เปิดรับผลไม้ฉายรังสีของไทยเข้าประเทศเป็นครั้งแรก สทน.แจงใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ฯฝ่าด่านกีดกันนำเข้าผลไม้ส่งออก การันตีปลอดภัยไร้แมลงรบกวน  คาดมูลค่าส่งออกพุ่งเป็น  2,300 ล้านบาท ขณะที่ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ออกโรงยัน มาตรการเฝ้าระวังรังสีเพื่อความมั่นคงตลอด 24 ชั่วโมงได้มาตรฐานสากล เตรียมขยายความร่วมมือประเทศเอเซียแปซิฟิค ตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที

       ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เชิงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในแผนปฏิรูปของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้ประโยชน์ของการศึกษาวิจัยและพัฒนา และ วทน. มาช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างมาตรฐานให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ส่งออกของไทย ทั้งด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ดำเนินการแก้ปัญหาการกีดกันนำเข้าอาหาร สมุนไพร และผลไม้ส่งออกของไทยหลายชนิดในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ทางนิวเคลียร์ด้วยการฉายรังสี  อีกทั้งยังเร่งดำเนินการขยายตลาดสู่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ คาดว่ามูลค่าการส่งออกปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,300 ล้านบาท นอกจากนี้ สทน. ยังตรวจวัดและออกใบรับรองกำกับปริมาณรังสีในสินค้าประเภทข้าว น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์นม เครื่องเทศ ปลากระป๋อง อาหารสัตว์ ฯลฯ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA ) คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี และยังสามารถใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าอัญมณีเนื้ออ่อนประเภท โทแพซ เบริล อความารีน ทัวมารีน ควอตซ์ ได้มากถึง 5-30 เท่า ในปี 2557 สร้างมูลค่าเพิ่มในการส่งออกให้กับอัญมณีฉายรังสีได้อีกราว 2,000 ล้านบาท   


     ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดผลไม้ส่งออกในหลายประเทศสร้างมาตรการกีดกันการนำเข้าผลไม้บางชนิดเนื่องจากปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มักปะปนอยู่ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้ข้อกำหนดของ APHIS  และ USDA3 บังคับให้สินค้าไทย 7 ชนิด คือ ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง มังคุด สับปะรด เงาะ และแก้วมังกร ต้องผ่านการฉายรังสี เพื่อควบคุม กำจัด และหยุดการแพร่พันธุ์ของแมลงศัตรูพืช เช่น แมลงวันทอง และยังสามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร นอกจากนี้ประเทศไทยกำลังจะขยายตลาดการส่งออก ลำไยและลิ้นจี่ฉายรังสี ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในปี 2558 โดยมีเจ้าหน้าที่กักกันพืชจากประเทศนิวซีแลนด์เข้าตรวจเยี่ยมศูนย์ฉายรังสี ภายใต้ สทน. และรับรองสุขอนามัยพืชทั้งสองชนิดแล้วเมื่อปลายปี 2557 

    ด้าน ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวว่า รังสีที่นำมาใช้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคล้ายกับแสงแดดที่จ้ามากๆ ถ้านำอาหารไปตากแดดฆ่าเชื้อ แล้วเอามาเข้าในที่ร่ม เราก็สามารถกินได้อย่างปกติ ถูกหลักอนามัย การฉายรังสีผลไม้ก็ไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และ IAEA ได้สรุปผลการทดสอบความปลอดภัยของอาหารฉายรังสีว่า อาหารใดๆ ก็ตามที่ผ่านการฉายรังสีในปริมาณไม่เกิน 10,000 เกรย์ ไม่ก่อให้เกิดโทษอันตราย ไม่ก่อให้เกิดปัญหาพิเศษทางโภชนาการและจุลชีววิทยา และไม่จำเป็นต้องทดสอบความปลอดภัยอีกต่อไป  ซึ่งหากเทียบกับปริมาณรังสีที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดให้ฉายรังสีเพื่อนำเข้าผลไม้ที่ 400 เกรย์นั้น คิดเป็นปริมาณที่น้อยกว่ากันถึง 25 เท่าตัว


     นอกจากนี้ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ยังกล่าวถึงข้อกังวล ที่ปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีกิจกรรมด้านนิวเคลียร์และรังสี ทั้งการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ การเกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ รวมถึงเหตุฉุกเฉินทางรังสีและนิวเคลียร์ในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) มีมาตรการเฝ้าระวังรังสีเพื่อความปลอดภัยทางรังสีของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง ระดับของการเตือนภัยเป็นไปตามตามมาตรฐานของ IAEA โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันและพร้อมดำเนินการได้ตลอดเวลา 

    “ปส.สามารถส่งต่อข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจวัดรังสีภายใต้เครือข่ายเฝ้าระวังภัยทางรังสีแห่งชาติที่กระจายอยู่ทั่วประเทศตาม 20 สถานี โดยมีสถานีตรวจวัดรังสีในอากาศ 17 สถานี  ในน้ำ 3 สถานี กับ หน่วยปฏิบัติการตรวจวัดรังสีในสิ่งแวดล้อมเคลื่อนที่ ศูนย์ข้อมูลทางรังสีแห่งชาติ กลุ่มประสานงานเหตุฉุกเฉินทางรังสี ภายใต้ ปส. และบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังรังสีของประเทศไทย โดยในอนาคตจะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเพิ่มเติมบริเวณชายแดน รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคภายใต้ IAEA ให้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในสภาวะฉุกเฉินได้ทันท่วงที” ดร.พิเชฐ กล่าว 


    ทั้งนี้ รมว.วท. ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบทางด้านรังสีและนิวเคลียร์ ได้นำรังสีและนิวเคลียร์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ และเพื่อชี้แจงให้สังคมได้เห็นและรับทราบถึงประโยชน์จากการใช้รังสีและนิวเคลียร์ในทางสันติ เช่น การส่งเสริมให้มีการส่งออกสินค้าไทยได้ดียิ่งขึ้นไม่ถูกกีดกันในการจำหน่ายสินค้าออกต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการตรวจตาเฝ้าระวัง ในกรณีที่มีการรั่วไหลของรังสี ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ยังเปิดให้บริการเกี่ยวกับดินสอพองปลอดเชื้อ โดยการนำดินสอพองมาฉายรังสีแกมมาเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ดินสอพองที่จำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นอาจจะยังไม่ได้รับการฉายรังสี อาจทำให้เกิดอาการแพ้เป็นผื่นคัน แสบตา ตาแดง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใช้ดินสอพองที่ไม่สะอาดไม่ได้รับการฉายรังสี ทางสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) จึงนำเทคโนโลยีการฉายรังสีแกมมามาใช้บริการฉายรังสี ดินสอพองเพื่อฆ่าเชื้อก่อนจะนำไปจำหน่ายสู่มือผู้บริโภค โดยฉายรังสีลงบนเนื้อดินสอพองใช้เวลา1- 3 ชั่วโมงเพื่อลดปริมาณจุลินทรีย์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ ถึงระดับสเตอริไรซ์เซชั่น ที่สามารถทำลายจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์ และราได้

     รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวว่า มาตราฐานของผลไม้ที่ผ่านการอาบรังสีของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ได้รับมาตราฐานในระดับโลก รวมถึงผลไม้ทั้ง 7 ชนิด ที่ได้กล่าวในข้างต้น ซึ่งได้รับการตรวจเป็นอย่างดี และการเลือกบริโภคผลไม้ที่อาบรังสีนั้นสามารถเลือกดูได้จากผลไม้ที่ติดสัญลักษณ์ว่าผลไม้ชนิดนี้ได้รับผ่านการอาบรังสีแล้ว ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคผลไม้ที่ผ่านการอาบรังสีหรือไม่ก็ขึ้นนั้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริโภคเอง  และในประเทศไทยยังมีประชาชนส่วนใหญ่ที่ยัง เข้าใจอยู่ว่าผลไม้ที่ผ่านการอาบรังสีนั้นเป็นอันตราย แต่ซึ่งจริงๆแล้วผลไม้ที่ผ่านการอาบรังสีมนั้นสามารถรับประทานได้และไม่ก่อเกิดอันตราย

      ดร.สมพร จองคำ ได้กล่าวว่าประโยชน์จากรังสียังสามารถนำใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในการเพิ่มมูลค่าอัญมณี อัญมณีที่ประเทศไทยนำมาฉายรังสีได้เยอะที่สุด ก็คือประเภทโทแฟซ ซึ่งมีลักกษณะเป็นสีใสเมื่อฉายรังสีจะมีลักษณะเป็นสีฟ้า และประเทศที่ให้ความสนใจมากที่สุด คือ อเมริกาและยุโรป


ข่าวโดย: ทีมโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ถ่ายภาพและวีดิโอ : นางสุนิสา ภาคเพียร นาวงษ์,นายรัฐพล หงสไกร 

เผยแพร่ข่าว : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ

ข้อมูลสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) โทร: 02 401 9889 URL: www.tint.or.th 

ข้อมูลสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) โทร: 02 579 5230, 02 596 7600, 02 562 0123  URL: www.oaep.go.th 

ประสานข้อมูลทั่วไป: กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

โทร: 02 333 3727-32  โทรสาร: 02 333 3834 อีเมลล์: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน เฟสบุ๊ค: sciencethailand  


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

17 กุมภาพันธ์ 2558

ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า

 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
» ก.วิทย์ฯ จับมือ ก.ศึกษาฯ ผุดชุดซอฟต์แวร์ ช่วยการเขียน เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ทั่วประเทศ
» “พิเชฐ” เผยผลสำเร็จหลังเยือนญี่ปุ่น องค์กรวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมเพิ่มลงทุนงานวิจัยในไทย หนุนอุตสาหกรรมยุคใหม่ สานฝันโครงการฟู๊ดอินโนโพลีส
» วท. รุกสร้างความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์รับ AEC ผุดเวทีแข่งขัน – ค่ายวิทย์เพื่อเยาวชนอาเซียน
» กระทรวงวิทย์ฯ ประกาศความสำเร็จ พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรต้นแบบ 4 ชิ้น ฝีมือคนไทย
» วท. แถลงผลงาน 6 เดือน โชว์ใช้นวัตกรรมเป็นข้อต่อ เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
» สวทช. จับมือ สอน. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงข่าว "โครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์"
» มหาดไทย ผนึก ก.วิทย์ฯ แถลงข่าวความร่วมมือการขับเคลื่อนงานด้าน วทน. สู่จังหวัด ชุมชนและท้องถิ่น
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป