กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2557

ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2557

พิมพ์ PDF

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเสด็จพระราชกุศลและร่วมอนุโมทนาบุญโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ ขอเชิญข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทุกท่าน ร่วมทำบุญถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน นำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส  ณ วัดศรีสุดาราม วรวิหาร แขวงบางขุนนนท์  เขตบางกอกน้อย  กรุงเทพมหานคร ในวันศุกร์ที่  31  ตุลาคม  2557   (ตรงกับวันขึ้น  9  ค่ำ  เดือน  12 ปีมะเมีย) 

                                                                                    
 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  
พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส  ณ วัดศรีสุดาราม วรวิหาร
แขวงบางขุนนนท์  เขตบางกอกน้อย  กรุงเทพมหานคร
วันศุกร์ที่  31  ตุลาคม  2557   (ตรงกับวันขึ้น  9  ค่ำ  เดือน  12  ปีมะเมีย)
................................
 
กำหนดการ
 
 
วันศุกร์ที่  31  ตุลาคม  2557

 

เวลา  14.00  น. -  ประธานเดินทางถึงวัดศรีสุดาราม วรวิหาร  
 

                -  ประธานถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
                -  ประธานไปที่โต๊ะหมู่บูชาหน้าพระอุโบสถ  ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ 
                   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานอุ้มประคองไว้ตรงอก  
                   ยืนตรงหน้าพระบรมฉายาลักษณ์  
                   (วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี)
 

                         - ประธานอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานเข้าสู่พระอุโบสถวัดศรีสุดาราม วรวิหาร
                    วางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า แล้วจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย  กล่าวคำนมัสการ
                            องค์พระประธาน  แล้วกล่าวคำถวายผ้าพระกฐินพระราชทานต่อพระสงฆ์
 

                         - ประเคนพานผ้าพระกฐินพระราชทาน และพานเทียนพระปาติโมกข์
 

                         - พระสงฆ์กระทำพิธีกฐินกรรม จบแล้ว ประธานถวายเครื่องบริวารพระกฐิน
                   แด่พระเถระองค์ครองผ้าพระกฐิน และถวายผ้าไตรแด่พระสงฆ์คู่สวด
 

                         - ผู้บริหาร  ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ วท.  ถวายเครื่องไทยธรรม
 

                         - ประธานประเคนใบปวารณาแด่ประธานสงฆ์
 

                         - พระสงฆ์อนุโมทนา  ถวายอดิเรก  ประธานกรวดน้ำรับพร  กราบพระรัตนตรัย
                    และกราบลาประธานสงฆ์
 

                         จึงขอเรียนเชิญร่วมทำบุญถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน  โดยเสด็จพระราชกุศลและร่วมอนุโมทนาบุญโดยพร้อมเพรียงกัน  ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล  จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว ประสพความสุข และความเจริญ  ตลอดกาลนาน  เทอญ
 
 การแต่งกาย   :   ข้าราชการ         -   เครื่องแบบปกติขาว
    :   ประชาชนทั่วไป  -   ชุดผ้าไทย /ชุดสุภาพ
 
 
 
 ประวัติความเป็นมา
 
วัดศรีสุดาราม
 
วัดศรีสุดาราม Wat Si Sudaram Worawihan ( วัดชีปะขาว Wat Chi Pa Khaow ) เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหารตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตก เลขที่ 83 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 
 
วัดนี้เดิมเป็นวัดโบราณ ชื่อวัดชีปะขาว หรือวัดชีผ้าขาว บางทีเรียกวัดปะขาวก็มี สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) ซึ่งเป็นพระพี่นางเธอของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์มาแต่ในรัชกาลนั้น ครั้นล่วงมาน้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้ามาจนถึงหน้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาขุนมนตรีเป็นแม่กองสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่โดยเลื่อนขึ้นจากที่เดิม ทรงโปรดให้เจ้าพนักงานปักกำหนดเขตรอบโรงพระอุโบสถลงใหม่ใช้แทนวิสุงคามสีมาเดิม โดยให้มีความยาว 15 วา กว้าง 7 วา แล้วโปรดให้ลงเขื่อนหน้าวัด เพื่อป้องกันน้ำเซาะตลิ่งจนเป็นผลสำเร็จ ครั้นการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดศรีสุดาราม ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชอัยยิกาเจ้าของพระองค์ ทรงสถาปนาพระราชทานไว้ตั้งแต่วันจันทร์ขึ้น 1ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ นพศกพุทธศักราช 2410 เป็นปีที่ 15 ในรัชกาล (ปลายรัชกาล) ตามพระราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีหลักฐานอยู่ในพระอุโบสถ (พระอุโบสถหลังเก่าปรากฏเป็นวิหาร อยู่หน้าพระอุโบสถปัจจุบัน)
 
 
บริเวณที่ตั้งวัด
 
วัดมีเนื้อที่ทั้งหมด 13 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา แบ่งเป็นเขตพุทธาวาส และ สังฆาวาส เฉพาะส่วนที่เป็นธรณีสงฆ์ มีจำนวน 5 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา เมื่อก่อนใช้ศาลาการเปรียญเป็นโรงเรียนชั้นประถมศึกษาวัดศรีสุดาราม สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ครั้นต่อมาได้เปลี่ยนสังกัดไปเป็นโรงเรียนเทศบาลของเทศบาลนครธนบุรีในบัดนี้ได้สร้างอาคารโรงเรียนขึ้นใหม่ด้านหลังพระอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. 2506 โดยเงินงบประมาณจำนวน 250,000 บาท ซึ่งยังคงเปิดสอนอยู่ ปัจจุบันนี้เป็นโรงเรียนประถมสังกัดกรุงเทพมหานคร
 
วัดนี้เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศึกษาของสุนทรภู่ กวีเอกของโลก เมื่อครั้งเยาว์วัย เพราะท่านได้เขียนไว้ในนิราศสุพรรณ (บทที่ 24) ว่า
 
         วัดปะขาวคราวรุ่นรู้                      เรียนเขียน
      ทำสูตรสอนเสมียน                         สมุดน้อย
      เดินระวางระวังเวียน                        หว่างวัดปะขาวเอย
      เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย                     สวาทห้องกลางสวน
 
 
อนึ่ง สุนทรภู่ยังได้เอ่ยถึงวัดนี้อีกในนิราศพระประธม นอกจากนี้กวีโบราณท่านอื่น ๆ เช่น พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงศาธิราชสนิทนายมี และ หลวงจักรปราณี (มหาฤกษ์) ก็ได้เคยกล่าวถึงวัดนี้ในเรื่องนิราศต่าง ๆ อีกหลายเรื่อง ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 วัดศรีสุดารามก็ได้รับการทะนุบำรุงอีก ดังปรากฏว่ามีการสร้างสะพานข้ามคลองแบบเก่า ซึ่งมีศาลาไม้หลังเล็ก ๆ คล่อมอยู่กึ่งกลางสะพานที่หน้าจั่วของศาลานั้นจารึกไว้ว่าสร้างเมื่อ ร.ศ. 128 ซึ่งตรงกับรัชกาลที่ 5 หลังจากนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าวัดนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์อีกเมื่อใดจนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบันจึงมีการบูรณะปฏิสังขรณ์และก่อนสร้างเสนาสนะต่าง ๆ อาทิพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์  เขื่อนหน้าวัด และ ถาวรวัตถุอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
 
 
ปูชนียวัตถุ ถาวรวัตถุ และเสนาเสนาะต่าง ๆ
 
1. พระประธานในพระอุโบสถ ปางปลงพระชนมายุสังขาร ไม่มีพระโมฬี มีแต่พระรัศมีประทับนั่งวางพระหัตถ์ทั้งสองบนพระเพลา   หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1คืบ   มีพระสาวก 8 8 องค์ นั่งประนมพระหัตถ์เบื้องพระพักตร์พระประธาน   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสร้างพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถ
2. พระศรีอารีย์   หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์   หน้าตักกว้าง 2 ศอก   ลักษณะนั่งมารวิชัยพระหัตถ์ซ้าวยวางบนพระเพลา    พระหัตถ์ขวา ถือพัด เป็นลักษณะพระสาวก ประดิษฐานอยู่ที่หอไตร
3. พระเจดีย์ 5 องค์ อยู่แถวเดียนวกันด้านหลังพระอุโบสถ
4. พระปรางค์ 2 องค์ ทรงไทยโบราณ หน้าบันเป็นรูปเทพนม ลานก้านขดมีคันทวยรอบ หน้าต่างเป็นรูปซุ้ม หน้าจั่วเป็นรูปเทพนม ช่อฟ้าใบระกานาคเอี้ยว กระจังติดประดับ
5. พระวิหาร เดิมเป็นพระอุโบสถหลังเก่า ดัดแปลงเป็นวิหารมีลักษณะเป็น 8 เหลี่ยม ต่อมาสมเด็จพระมาหสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โปรดให้รื้อแล้วสร้างขี้นใหม่ในลักษณะคล้ายพระอุโบสถ ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันเป็นพาน 2 ชั้น มีรูป "ปิ่น" ประดิษฐานไว้บนพาน หมายถึงพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และ มีพระพุทธรูปปางทรงเครื่องอยู่รวมกันหลายองค์
6. หอไตร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีระเบียง 4 ด้าน หลังคามุงกระเบื้อง
7. ศาลาการเปรียญ สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้ปฏิสังขรณ์ติดต่อกันมาโดยตลอด
8. กุฏิสงฆ์ ไม่มีกุฏิถาวร ปัจจุบันทางวัดเริ่มพัฒนาปรับปรุงขึ้นมาตามลำดับด้วยแรงศรัทธาของประชาชน
9. รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบางกอกน้อย
 
แผนที่ตั้ง
 
 
Street view (คลิกรูปภาพ)
 
 
ข้อมูลโดย นายภูษิต โพธิ์แสง
เผยแพร่โดย กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732  โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :     อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313
 

 

 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป