วันนี้ (26 มีนาคม 2557) เวลา 11.00 น. ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดงาน STI Talent Mobility Fair เพื่อขับเคลื่อนนักวิจัยจากภาครัฐสู่อุตสาหกรรมระดับชาติปิดช่องว่างความรู้ด้าน วทน. ณ โรงแรมสุโกศล ห้องกมลทิพย์ 2 และ 3
ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ในโอกาสที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ได้จัดให้มีการเปิดตัวศูนย์อำนวยความสะดวก Talent Mobility หรือ Talent Mobility Clearing House และจัดให้มีพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลักในภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์ นับเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อนการส่งเสริมบุคลากรจากภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษา เพื่อช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคการผลิตและบริการอย่างเป็นรูปธรรม
นโยบายและภารกิจเร่งด่วนประการหนึ่งของรัฐบาลคือ การเร่งสร้างนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย ครูวิทยาศาสตร์ ให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง โดยนำพาประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ เนื่องจากสังคมไทยยังขาดแคลนนักวิจัยอยู่เป็นจำนวนมาก กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงตระหนักดีว่า ทรัพยากรมนุษย์ เป็นทุนทางสังคมที่สำคัญที่สุด จึงขับเคลื่อนโดยการพัฒนากำลังคนด้าน วทน. อย่างเข้มข้น อาทิ การดำเนินการจัดสรรทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอก ในสาขาวิชาที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นสาขายุทธศาสตร์ถึง 1,500 ทุน
ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนให้กับเด็กที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในรูปแบบห้องเรียนวิทยาศาสตร์ขึ้นในโรงเรียน 7 แห่ง ซึ่งเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัยที่ร่วมโครงการทั้งสิ้น 6 แห่ง ตั้งแต่ปี 2551-2555 เป็นต้น
ดร.พิเชษ ดุรงคเวโรจน์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันแวดวงธุรกิจสายงานการผลิตด้านอุตสาหกรรม ตลอดถึงสายงานด้านการบริการ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดย่อม (SME) ต้องปรับตัวเองอย่างมากเพื่อให้อยู่รอด เนื่องจากค่าแรงของไทยสูงขึ้น บริษัทขนาดใหญ่ได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันมากขึ้น ทำให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยเน้นการทำกิจกรรมด้านองค์ความรู้ในหน่วยงานอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อการวิจัยและพัฒนาในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น เน้นความแตกต่างของสินค้าและมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนในการผลิต
นอกจากนี้ ยังพบว่าการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัยของภาครัฐกับภาคอุตสาหกรรมนั้นยังมีความอ่อนแอ ส่งผลให้การทำวิจัยไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการได้ และปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ นิสิต นักศึกษาที่ได้รับทุนรัฐบาล ต้องมีภาระชดใช้ทุนหลังจบการศึกษา จึงไม่สามารถทำงานกับภาคอุตสาหกรรมได้ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นในการออกมาตรการและนโยบายที่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) ในในปลายปี 2515 รวมถึงการเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาคอุดมศึกษาและภาคอุตสาหกรรม (UI links) นับเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศในด้านบุคลากรเพื่อรองรับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของภาคการผลิต พร้อมกันนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการดูดซับเทคโนโลยีจากบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เข้ามาจัดตั้งหน่วยวิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศด้วย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) จึงได้จัดตั้งโครงการส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการจัดการภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในภาคการผลิตและบริการ (Talent Mobility) ซึ่งในวันนี้ที่ (26 มีนาคม 2557) จะเปิดตัว โครงการ (Talent Mobility) และสัมมนาอย่างเป็นทางการขึ้น โดยในงานจะมีกิจกรรม Match – Making ขึ้น ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างสถานประกอบการกับบุคลากรจากภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษา ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานฟรี ณ โรงแรมสุโกศล ห้องกมลทิพย์ 2 และ 3
งานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในมิติใหม่ ที่จะขยายการใช้ประโยชน์จากบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขียนข่าวโดย : นางสาวนีรนุช ตามศักดิ์
ภาพข่าวโดย : นายรัฐพล หงสไกร
เผยแพร่ข่าวโดย : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สป.วท. 02-333-3732