กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งเสริมการสร้างงาน สร้างเงิน สร้างคุณภาพชีวิตด้วยผลงานกระทรวงวิทย์ฯ คิดเพื่อคนไทย เป็นผลงานที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักเทคโนโลยี นวัตกร ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ทำได้ทันที และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมใน 7 เดือน เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้ สอดคล้องกับสภาวการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นประธานแถลงข่าว “สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคุณภาพชีวิต : ผลงานกระทรวงวิทย์ฯ คิดเพื่อคนไทย” ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ถนนพระราม 9 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ (เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552)
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า “การที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วิทยาศาสตร์ฯ ตนเองได้เห็นผลงานโดดเด่นมากมายของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ อีกทั้งท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ฯ ย้ำเสมอที่จะให้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศและให้นำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปมีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งสำคัญที่สุด ยังมีความตั้งใจ มุ่งมั่น ขับเคลื่อนงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและสนองเบื้องพระยุคลบาทฯ
ในโอกาสวาระครบรอบ 30 ปีกระทรวงฯ เผยแพร่ผลงานเพื่อสร้างงาน สร้างเงิน และคุณภาพชีวิตคนไทย จึงคัดเลือกผลงานเด่นจาก 14 หน่วยงานๆ ละ 1 เรื่อง ที่สามารถดำเนินการเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อนำมาเผยแพร่และถ่ายทอดสู่กลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคุณภาพชีวิต : ผลงานกระทรวงวิทย์ฯ คิดเพื่อคนไทย” เบื้องต้นผลงานที่ได้คัดเลือกแบ่งเป็นผลงานด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี 10 เรื่อง และผลงานด้านการสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม 4 เรื่อง
ด้าน รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ผลงานทั้ง 14 โครงการ มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปตามบทบาทภารกิจหลักของหน่วยงานนั้น ๆ และเห็นว่าเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับตั้งแต่ระดับนักเรียน เยาวชน นิสิตนักศึกษา ประชาชน ผู้ประกอบการ กลุ่มแม่บ้านเคหะกิจ หรือหน่วยราชการ โดยมีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ดังนี้
1. เทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทนระดับครัวเรือน (สป.วท.) เป็นการลดปัญหามลพิษทางกลิ่นจากมูลสัตว์ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับเกษตรกร ลดค่าใช้จ่ายในครัว เรือน และยังได้พลังงานมาใช้ในฟาร์ม และครัวเรือน ดำเนินการโดยทีมวิจัยของคลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพื้นที่เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ ลำปาง นครพนม อุดรธานี ฉะเชิงเทรา ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนปีละ 4,000 บาท และต่อยอดเพื่อสร้างระบบไฟฟ้าชุมชนได้
2. การแปรรูปธัญชาติเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน (วศ.) เป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอาหารและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ แปรรูปธัญชาติที่ปลูกมากในท้องถิ่นมาสร้างผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป กึ่งสำเร็จรูป อาหารเสริมสุขภาพ เพิ่มมูลค่า สร้างนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ดำเนินการในพื้นที่ผลิตข้าวและธัญชาติใน จ. อ่างทอง พิจิตร พิษณุโลก สกลนคร สุพรรณบุรี ฯลฯ โดยถ่ายทอดให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน (OTOP SMEs) เช่น ข้าวสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ธัญชาติ ธัญชาติอัดแท่ง ข้าวเสริมสุขภาพ เป็นต้น เป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ 50-60 ราย และสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 50,000-100,000 บาท/ปี อีกทั้งสามารถส่งออกต่างประเทได้
3. การผลิตโปรตีนไหมด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตในนาข้าว (สทน.) เป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมหม่อนไหมมาใช้ทำสารละลายผลไหม โดยใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์มาช่วยในการปรับปรุงต่อยอด ดำเนินการในพื้นที่นาข้าวภาคกลาง จ.นครนายก สุพรรณบุรี อ่างทอง กาญจนบุรี รวม 400 ไร่ สามารถเพิ่มผลผลิตในนาข้าวต่อไร่เพิ่มขึ้น 30 % หรือ 3,000 บาท/ไร่ พื้นที่ 400 ไร่ มีรายได้เพิ่ม 240,000 บาท/ปี ซึ่งเกษตรกรสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น 6,000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวข้าวได้เร็วกว่าปกติประมาณ 1 สัปดาห์
4. เครื่องล้างผักผลไม้อัลตราโซนิกส์ (วว.) เป็นนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการชำระล้างสารเคมีตกค้างและจุลินทรีย์ในผักผลไม้ได้สูงถึง 78 % ลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 85 % เมื่อเทียบกับการล้างแบบเดิม สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผักผลไม้ส่งออก
5. โครงการส่งเสริมศักยภาพและการใช้ไอทีสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม (สวทช.) เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มผลผลิตด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ e-Marketing ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท 1-3 ดาว จำนวน 500 ราย ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่สามารถรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ เป็นเครื่องมือขยายโอกาสทางธุรกิจ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว โดยในปีแรก จะจัดหาบริษัทซอฟต์แวร์เพื่อจัดทำเว็บไซต์สำเร็จรูปให้กับผู้ประกอบการ สร้างเป็นโครงการต้นแบบ ที่จะนำไปขยายผลสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์
6. เทคโนโลยีสุญญากาศเพื่ออุตสาหกรรม (สซ.) เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสุญญากาศเพื่ออุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถรองรับอุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีสุญญากาศ เช่น บริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ บริษัทผลิตผงแม่เหล็ก บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ 50 % ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนสุญญากาศระดับสูงและเทคนิคการตรวจซ่อมให้ กับกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ สามารถให้บริการออกแบบผลิตชิ้นส่วนสุญญากาศที่มีราคาถูก
7. โครงการผลิตช่างตรวจสอบเครื่องจักรกลซีเอ็นซีเบื้องต้น (มว.) เนื่องจากมีสถานประกอบการที่ใช้เครื่องจักรกลซีเอ็นซีจำนวนมาก แต่ยังขาดช่างผู้ชำนาญงานในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องจักรดังกล่าว โครงการนี้เป็นการเพิ่มจำนวนช่างผู้ชำนาญในการตรวจสอบเครื่องจักรกลซีเอ็นซี ให้ได้มาตรฐานสากล โดยสอนให้กับช่างในสถานประกอบการอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรกลซีเอ็นซีใน พื้นที่สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ สร้างงานให้กับช่างเทคนิค บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลซีเอ็นซีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
8. C-AOSS แนวป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ป่าชายเลนจากไม้ประกอบพลาสติก (นว.) เป็นการสร้างแนวป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ป่าชายเลนจากไม้ประกอบพลาสติกที่ ออกแบบด้านวิศวกรรม เพื่อลดแรงปะทะของคลื่นทะเลในลักษณะของรูปแคปซูลที่ถอดประกอบได้ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ โดยออกแบบแผ่นยางให้มีลักษณะคล้ายปะการัง เพื่อดักตะกอนทรายและดินไม่ให้ไหลลงสู่ทะเล เป็นการเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยให้สัตว์น้ำ สามารถสร้างแนวป้องกัน C-AOSS จำนวน 50 ต้น พร้อมปะการังเทียมในพื้นที่ป่าชายเลน อบต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับแนวป้องกันแนวใหม่ที่มีความคุ้มค่าในการลงทุน และสร้างอาชีพให้ชาวประมงได้
9. โครงการบูรณาการข้อมูลดาวเทียม และ GIS สู่ยุทธศาสตร์จังหวัด (สทอภ.) เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศไปใช้เป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่นอย่าง ยั่งยืน โดยสร้างความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศไปใช้เป็นฐาน ในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน สนับสนุนแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมรายละเอียดสูงเฉพาะเรื่อง เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามยุทธศาสตร์จังหวัด และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ตรวจสอบ ติดตามสภาพปัจจุบันของชุมชน มีข้อมูลดาวเทียมและข้อมูลภูมิสารสนเทศด้านการท่องเที่ยว โบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรม เชิงนิเวศ การบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เช่น สุโขทัย อุดรธานี นครราชสีมา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครนายก เป็นต้น
10. โครงการเครือข่ายปฏิบัติการน้ำชุมชน (สสนก.) เป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือบริหารจัดการน้ำชุมชน เป็นการนำตัวอย่างภูมิปัญญาและความเปลี่ยนแปลงในการจัดการของแต่ละชุมชนมา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกิดเครือข่ายทำงานเป็นทีม ดำเนินการในพื้นที่ป่าต้นน้ำ จ.เชียงใหม่ ตาก และ พื้นที่น้ำแล้ง จ.บุรีรัมย์ นครราชสีมา ที่เป็นชุมชนกว่า 1,000 ครัวเรือน นำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้ เพิ่มรายได้ลดรายจ่ายชุมชน ขยายเครือข่ายเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสร้างเป็นชุมชนแม่ข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำต่อไป ภายใต้โครงการสร้างแม่ข่ายการจัดการน้ำชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
11. โครงการโรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทย์นำร่อง (สวทน.) เป็นโครงการบ่มเพาะนักเรียน ที่มีความสามารถพิเศษด้านการประดิษฐ์คิดค้นเชิงเทคโนโลยีระดับ ปวช. มีวิทยาลัยการอาชีพพานทอง จ.ชลบุรี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นสถานศึกษานำร่องแห่งแรก จัดการเรียนการสอนแบบ Project-based ในสาขาอุตสาหกรรมฐานวิทยาศาสตร์ นักเรียนกลุ่มนี้เป็นกำลังสำคัญให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพิ่มความสามารถทางเทคโนโลยีให้กับประเทศ
12. การผลิตสื่อทางดาราศาสตร์ (สดร.) ผลิตสื่อช่วยสอนและเผยแพร่ความรู้ทางดาราศาสตร์ มีการออกแบบที่หลากหลาย เช่น เครื่องวัดมุมดาว แผนที่ดาว นาฬิกาแดด กล้องดูดาวอย่างง่าย โมเดลดาราศาสตร์ โปสเตอร์ดาราศาสตร์ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นครู นักเรียน ประชาชนที่สนใจ ผู้ประกอบการทั่วประเทศ เป็นการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ผลิตสื่ออย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13. โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรุ้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (ปส.) เป็นการสนับสนุนการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้อย่างสันติ สร้างเครือข่ายเผ้าระวังภัยจากนิวเคลียร์ และรังสี เน้นให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน เยาวชน ครู นักเรียน ผู้นำชุมชน ส่งผลให้ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอยู่อย่างปลอดภัยกับนิวเคลียร์และรังสี
14. นิทรรศการวิทยาศาสตร์สัญจรสู่ภูมิภาค (อพวช.) เป็นโครงการนิทรรศการสัญจรสู่ภูมิภาคสร้างโอกาสการเรียนรู้นอกห้องเรียน อย่างสนุกสนาน สารระความรู้คู่ความบันเทิง เป็นการนำกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์สู่ท้องถิ่นห่างไกลทั่วทุกภูมิภาค ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบัน การศึกษากับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจใฝ่รู้และรักการเรียนด้านวิทยาศาสตร์มากยิ่ง ขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ และกลุ่มครอบครัว
นอกจากผลงานทั้ง 14 โครงการดังกล่าวข้างต้น กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ยังมีผลงานวิจัยและพัฒนาอีกมากมายที่นำสู่ประชาชน ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการร่วม Call Center 1313 หรือที่เว็บไซต์กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ www.most.go.th