นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีลงนาม “โครงการความร่วมมือขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับประเทศ” ระหว่าง 6 องค์กรใหญ่ของประเทศ ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และบริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านนวัตกรรมของชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs มีช่องทางและตลาดทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อต่อยอดผลงานไปสู่นวัตกรรมระดับประเทศด้วยการประกาศจัดประกวดรางวัลนวัตกรรม “ สุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards” ชิงเงินรางวัล 1. 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีงานวิจัย องค์ความรู้ และสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เนื่องจากขาดการต่อยอดหรือขยายผลไปสู่ผลงานเชิงนวัตกรรม โดยส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทยเพราะคนไทยเป็นคนเก่ง มีความสามารถและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรม หากมีการสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดหรือขยายผลงานไปสู้การใช้ประโยชน์จริง ดังนั้น นวัตกรรมที่ทำมาจะต้องเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม ผู้บริโภคและตลาดได้ เพื่อยกระดับประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงมีนโยบายในการผลักดันและสนับสนุนให้มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
![]() |
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับอุตสาหกรรมฯ เป็นองค์กรเอกชนที่มีหน้าที่ในการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและสมาชิกเกินกว่าร้อยละ 60 เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งองค์ความรู้ การตลาด เงินทุน รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม เนื่องจาก SMEs จำนวนไม่น้อยที่ประสบกับปัญหาและความท้าทายกับการแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งแกร่งกว่าและในขณะเดียวกันการมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท ทำให้ SMEs จำเป็นต้องปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยการเร่งสร้างความแตกต่างด้วยการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินธุรกิจ จากปัญหาดังกล่าว สภาอุตสาหกรรมฯ จึงได้พยายามเร่งหาแนวทางช่วยเหลือ SMEs โดยคาดหวังว่าจะได้รับความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มศักยภาพขององค์กรให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้แปลกใหม่ทันสมัยและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสทางด้านการตลาดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ารวมไปถึงสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศระดับอาเซียนและระดับโลก
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจเติบโตถึงจุดที่ต้องการขยายกิจการอย่างก้าวกระโดด ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) พร้อมที่จะเป็นกลไกช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ตลอดจนการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในอนาคตและสามารถแข่งขันได้ในตลาดสากลที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนกลไกในระบบเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและมั่นคงต่อไป
ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เลขาธิการ สำงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กล่าวว่า มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอาทิ การบูรณาการ การสร้างเครือข่ายความรู้และนวัตกรรม มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากผลงานวิจัย และทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น สวทน. จึงมีรูปแบบความร่วมมือในด้านวิชาการ การให้คำแนะนำ การเชื่อมโยงเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ และสถาบันวิจัย เพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนารูปแบบธุรกิจเพื่อให้การสร้างนวัตกรรมประสบผลสำเร็จตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด
“สำหรับโครงการความร่วมมือนี้ เอกชนที่เข้าร่วมโครงการ สามารถใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาจากเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำและยกระดับผลิตภัณฑ์ กระบวนการที่เอกชนพัฒนาขึ้น หรือที่สถาบันการศึกษาพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยและนักวิจัยจะได้รับประโยชน์จากความรู้และประสบการณ์ของการศึกษาเชิงนโยบายและโครงการนำร่องในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และปัจจัยเอื้อ อาทิ การเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะธุรกิจและการเข้าร่วมโครงการนำร่องในการพัฒนาระบบให้คำปรึกษาธุรกิจ เป็นต้น”
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตระหนักถึงความสำคัญของงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีการค้าโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการผลิตการค้าโดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของภาคเอกชนไทย อันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทย โดยสนับสนุนให้มีการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาของไทยและใช้ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ให้เป็นที่ต้องการแก่ผู้บริโภค ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมกันทำงานวิจัยและส่งเสริมให้นำผลงานวิจัยไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อมั่นว่าการร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการวิจัยและการพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรม ผลงานวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
ดร. พรชัย รุจิประภา ประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า โครงการที่ ซีพี ออลล์ ได้ริเริ่มจัดทำขึ้นมานี้ ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุน ส่งเสริม และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยหันมาสนใจทำโครงการนวัตกรรมกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีโอกาสที่จะผลักดันให้เข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก (สนช.) ผ่านโครงการ “แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน” และ “นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย” ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการนำผลงานวิจัยที่มีอยู่ในประเทศไทยมาพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย จึงนับว่า “นวัตกรรม” เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากภาครัฐสู่เอกชน เกิดการขับเคลื่อนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีในประเทศสู่ภาคการผลิตและบริการ ซึ่งทำให้ลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้อย่างมหาศาลในอนาคต
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย กล่าว่า ซีพี ออลล์ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกที่มีจำนวนกว่า 6, 800 สาขาทั่วประเทศ และมีลูกค้าใช้บริการเรามากกว่าวันละ 8 ล้านคน มีบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย จึงยินดีที่จะเป็นช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อทดสอบตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านความร่วมมือจากโครงการนี้ ทั้งยังได้จัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมกลุ่มธุรกิจ ซีพี ออลล์” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ระหว่างธุรกิจ ซีพีออลล์ กับหน่วยงานภายนอก รวมทั้งยังเป็นช่องทางเชื่อมโยงและประสานงานในความร่วมมือสำหรับต่อยอดผลงานนวัตกรรมไปสู่ระดับประเทศอีกด้วย โดย “บริษัทฯ มีความยินดีที่จะสนับสนุนการปรกวดและเงินรางวัลสำหรับผลงานนวัตกรรมที่สืบเนื่องจากโครงการนี้ โดยจะจัดให้มีการประกวดรางวัล 7 Innovation Awards ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมผลงานนวัตกรรมด้านธุรกิจและด้านสังคมที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระดับประเทศต่อไป”
เขียนข่าวโดย : นีรนุช ตามศักดิ์
ภาพข่าวโดย : รัฐพล หงสไกร
เผยแพร่โดย : ชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี