![]() |
![]() |
ดร. สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมลงนามความร่วมมือกับ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการสร้างความเข้มแข็งของภาคเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2553 ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเกษตรกรรมพร้อมรับมือกับภาวะโลกร้อน รวมถึงการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านเทคนิควิชาการ ก่อให้เกิดผลงานและวิทยาการใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสู่การนำไปใช้ประโยชน์ และเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับภาคเกษตรกรรม โดยมี
เป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พัฒนาความเข้มแข็งให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ เกษตรกร สถาบันเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการค้า การแปรรูป และการส่งออก รวมถึงกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่ผลิตเพื่อการยังชีพด้วย
![]() |
![]() |
ดร. สุจินดา โชติพานิช กล่าวว่า ทั้งสองกระทรวงได้ร่วมมือกันในเชิงนโยบาย เพื่อการวิจัยพัฒนาการเกษตร เตรียมความพร้อมรองรับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปัจจุบันภาคการเกษตรจำเป็นต้องนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น เนื่องจากเหตุผลดังนี้
1. สถาบันนานาชาติเพื่อการจัดการ (Institute for Management Development : IMD) จัดให้ภาคเกษตรของประเทศไทยมีประสิทธิภาพการผลิต
อยู่อันดับที่ 53 จาก 57 ประเทศ ซึ่งมีอันดับลดลงสองอันดับเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนนั้น
2. ผลผลิตต่อพื้นที่ของสินค้าเกษตรหลายชนิดของประเทศไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การขาดแคลนพันธุ์ที่ดี
การบริหารจัดการที่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีไอที เป็นต้น
3. พื้นที่เพาะปลูกมีปริมาณจำกัด แต่ความต้องการใช้ผลผลิตทางการเกษตรทั้งในและต่างประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมและอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมฐานชีวภาพ พลังงานชีวภาพ เป็นต้น
4. การขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเข้าไปเพื่อทดแทนแรงงานที่หายากและมีราคาแพงมากขึ้น
5. ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัย
6. ภาวะโลกร้อนจะกระทบต่อภาคเกษตรค่อนข้างมาก ดังนั้น การทำเกษตรกรรมในปัจจุบันจะมีการผสมผสานระหว่างศาสตร์แขนงต่างๆ มากขึ้น
ทั้งวิทยาศาสตร์เกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุศาสตร์ และนาโนเทคโนโลยี เพื่อให้การทการเกษตรมีความแม่นยำสูง ที่เรียกว่า “Precision Farming” เป็นการทำการเกษตรโดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการเพาะปลูกในระบบโรงเรือนเพื่อป้องกันความสูญเสียจากโรคแมลง การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และลดข้อจำกัดของฤดูกาลเพาะปลูก
![]() |
![]() |
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร อันดับต้นๆ ของโลก ภาคเกษตรจึงมีบทบาทในการสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ แม้จะไม่สูงเทียบเท่ากับภาคอุตสาหกรรม แต่เป็นภาคที่เกี่ยวข้องกับประชากรจำนวนมาก และแม้ว่าโลกจะเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติอาหาร คนไทยก็ยังมีอาหารเพียงพอ แต่ในปัจจุบันภาคเกษตรต้องเผชิญกับความท้าท้ายใหม่หลายประการ ในเรื่องประสิทธิภาพที่ลดลง ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยเมื่อประกอบกับความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากการทำการเกษตรอย่างเข้มข้น ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ที่สภาพทรัพยากรธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจำเป็นต้องอาศัยการวิจัย พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อนำมาสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง สำหรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากภาวะเรือนกระจก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคเกษตรทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยการเกษตรต้องปรับการผลิตให้เป็นแบบ Low Carbon เพื่อร่วมมือลดปัญหาโลกร้อน
ดังนั้นในการจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ได้กำหนดให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การเพิ่มมูลค่าสินค้า เพื่อสนองความต้องการของตลาด การปรับปรุงระบบ
โลจิสติกส์ ตลอดจนการปรับระบบการผลิต การบริโภคที่เป็น Cool and Green ปลอดภัยทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
![]() |
![]() |
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยการผลิตบนพื้นฐานองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มรายได้ของเกษตรกร ลดแรงจูงใจในการออกจากภาคเกษตร และสนับสนุนการเจริญเติบโตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรอย่างต่อเนื่องตลอดไป
เขียนข่าวโดย : น.ส.ชลารัตน์ มีแก้ว
ภาพโดย : นางสาวศิริลักษณ์ สิกขะบูรณะ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ โทร. 0 2333 3732