สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการสัมมนาวิชาการ เรื่อง ทางออกการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) ในกระบวนการ EIA ประเภทรุนแรง ณ ห้องจูปิเตอร์ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2553
![]() |
![]() |
ผลต่อมาได้มีการประกาศคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากนโยบายสาธารณะ พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ซึ่งจากการดำเนินงานมาระยะหนึ่ง พบว่า มีปัญหาการดำเนินงาน คือ
1. การกำหนดประเภทรุนแรง
ความไม่แน่ใจในกฎระเบียบของภาครัฐที่อาจนำไปสู่การตีความในอนาคต กรณีวินิจฉัยข้อร้องเรียนให้ทำ HIA ทั้งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ ข้อ 1.2 และมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติ สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
2. กระบวนการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ
2.1 ขาดความเข้าใจอย่างชัดเจนต่อวัตถุประสงค์ในแต่ละขั้นตอนการศึกษา ประกอบกับรูปแบบที่กำหนดไว้อย่างแข็งตัวในกฎหมาย ทำให้ขาดความยืดหยุ่น และเกิดการตีความตามกฎหมายเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่และสังคม
2.2 HIA เป็นกระบวนการที่ต้องการใช้ข้อมูลและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่หลากหลายในการประเมินฯ เนื่องจากมิติสุขภาพมีความซับซ้อนและเชื่อมโยง ดังนั้น จึงต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน รวมทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม
2.3 ความสอดคล้องระหว่างรูปแบบของกระบวนการที่กำหนดไว้ กับลักษณะพื้นที่ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว เช่น เขตนิคมอุตสาหกรรม หรือ เขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้เกิดกิจกรรมตามกลไกซ้ำๆ หลายครั้งในการทำงานระดับพื้นที่
3. ความรู้ ความเข้าใจของแต่ละกลุ่มคณะ
3.1 ภาครัฐ ต่อบทบาทและหน้าที่ที่ต้องสอดประสานกันในกลไกของการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ รวมทั้งมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ
3.2 กลุ่มชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับบทบาทและมีความสำคัยมากที่สุด แต่มักเป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจต่อ HIA ค่อนข้างจำกัด
4. HIA เป็นกระบวนการที่ต้องใช้งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล และเวลาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความคิดเห็นและข้อวิตกกังวลในบางประเด็นมีพื้นฐานมาจากความเชื่อใจและความพึงพอใจการเข้าถึงและการได้มาของข้อมูลในระดับพื้นที่บางครั้งจะต้องใช้ทรัพยากรที่หลากหลายในการบริหารจัดการ
5. ขาดฐานข้อมูลระดับชุมชนในทุกมิติ เช่น สถานะสุขภาพ โรค
6. ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญในเรื่อง HIA
1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกกฎหมาย ควรต้องหาแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง เพราะการดำเนินงานที่ผ่านมาต้องใช้ค่าใช้จ่ายและเวลาจำนวนมาก และประชาชนพื้นที่ก็เริ่มสับสนกับโครงการต่างๆ ที่เข้ามา โดยเฉพาะการเริ่มต้นโครงการ HIA ในพื้นที่มาบตาพุด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนมาก
2. ควรศึกษาความพร้อมของข้อมูลพื้นฐานที่จะต้องนำมาใช้ในการประเมินผลทางสุขภาพในพื้นที่
3. ควรพัฒนาบุคลากรทางด้านการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ควรจะต้องมีมุมมองทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
4. การให้ความรู้กับทุกภาคส่วนที่หน่วยงานราชการ ผู้ประกอบการ ประชาชน ให้เข้าใจกระบวนการศึกษา HIA
5. เจ้าของโครงการควรมีทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากชุมชน
6. การดำเนินการตามกฎหมายประกาศกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ขอให้ดำเนินการอย่างมีสติ และเป็นไปตามหลักวิชาการ
7. การปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สามารถดำเนินการได้ โดยขอให้เสนอเหตุผลไปที่ กกวล. โดยการจัดตั้งเป็นคณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมต่อไป
![]() |
![]() |
ผู้เขียนข่าว : นางสาวอุษา ขุนเปีย กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ โทร 0 2333 3700 ต่อ 3732
ถ่ายภาพโดย : นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ โทร 0 233 3700 ต่อ 3731