(6 กุมภาพันธ์ 2553) ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารโครงการรีไซเคิลลำไยค้างสต๊อคปี 2546 และ 2547 โดยใช้เป็นพลังงาน ชีวมวล และผู้เกี่ยวข้องในโครงการรีไซเคิลลำไยฯ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมร่วมเสวนาชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในกรณีการป้องกันปัญหาที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานในพื้นที่
นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ใช้เวทีการจัดงาน “วันเกษตรอินทรีย์ วิถีพอเพียง” ซึ่งจัดโดยเทศบาลตำบลอุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ชี้แจงทำความเข้าใจพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากชุมชน โดยกล่าวว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ดำเนินการบดทำลายลำไยฯ โดยกำชับให้ผู้ดำเนินโครงการตระหนักในปัญหาที่อาจจะส่งผลกระทบในสอง-สาม ประเด็น ได้แก่ ปัญหาทางเสียงรบกวน ปัญหาการฟุ้งกระจาย และการตกสู่พื้นของลำไย ซึ่งส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางดิน น้ำ มลพิษทางเสียง และระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจกับผู้ได้รับหรืออาจได้รับผลกระทบ พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สถานภาพความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการในปัจจุบันด้วย
สำหรับกรณีเกิดผลกระทบนั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้วางแนวทางแก้ไขเบื้องต้นไว้ ดังนี้
1. กรณีนำลำไยที่ตกพื้นกองรวมไว้บริเวณหน้าโกดัง เนื่องจากปริมาณลำไยที่บดแล้วเพิ่มปริมาณมากขึ้นและพื้นที่ในโกดังกลางไม่ว่าง ผู้ดำเนินการ จะเร่งจัดหาโกดังกลางเพิ่มและขนย้ายลำไยที่บดแล้วดังกล่าวไปเก็บไว้ภายในโกดัง ภายใน 7-10 วัน
2.กรณีฝุ่นฟุ้งกระจาย ที่ผ่านมาผู้ดำเนินการได้ใช้ถุงกรองดักฝุ่นสามารถลดปัญหาได้ระดับหนึ่ง และจะเร่งดำเนินการอุดรอยรั่วตามรอยต่อของเครื่องบด พร้อมทั้งนำระบบดูดเก็บฝุ่นในถุงขนาดใหญ่ (Filtered bag) มาใช้ ซึ่งเป็นหลักการแก้ไขป้องกันที่แหล่งของปัญหา (at source reduction)
3.กรณีเสียงดังรบกวนของเครื่องจักร จะเร่งดำเนินการออกแบบระบบลดระดับความดังของเสียงเครื่องจักร เช่น สร้างผนังดูดซับเสียงแบบเคลื่อนย้ายได้ (Knock down sound protection wall) และสามารถนำไปใช้งานในโกดังอื่นๆ ได้อีก
![]() |
![]() |
นอกจากนี้ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เปิดเผยถึงความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการว่า “นับจากที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เริ่มดำเนินงานโครงการรีไซเคิลลำไยค้างสต๊อคฯ ในพื้นที่โดยบดทำลายลำไยหน้าโกดังและอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2552 จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 (56 วัน) ผู้ดำเนินการในพื้นที่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และสมาคมเครื่องจักรกลไทย ได้บดทำลายลำไยหน้าโกดังไปแล้ว 19 โกดัง โดย มทส. ดำเนินการได้ 18 โกดัง สมาคมเครื่องจักรกลไทย 1 โกดังคิดเป็น จำนวน 10,466.98 ตัน
![]() |
![]() |
อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยประมาณ 194 ตัน/วัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 22.35 ของลำไยทั้งหมด และเพื่อให้ปฏิบัติงานทันต่อเวลาตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำบันทึกในข้อตกลงไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานกำลังเร่งดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงยิ่งขึ้นมากกว่าร้อยละ 60 คือ คาดว่าจะดำเนินการได้เสร็จตามเวลาที่เหลืออีก 96 วัน
สำหรับแผนการดำเนินงานในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี แบ่งสายการผลิตออกเป็นเป็น 4 สาย กำลังการผลิตรวม 400 ตัน/วัน ในส่วนของสมาคมเครื่องจักรกลไทยแบ่งสายการผลิต 5 สาย สายที่ 1-2 มีกำลังการผลิตรวม 200-300 ตัน/วัน และสายที่ 3-5 กำลังการผลิตรวม 360-420 ตัน/วัน
![]() |
![]() |
ผลลัพธ์ในเชิงเศรษฐกิจ
ขณะนี้เมื่อประเมินผลจากการบดย่อยลำไยแล้ว 19 โกดัง ภาครัฐสามารถลดค่าใช้จ่ายใน
การเช่าโกดังเป็นเงิน 1.67 ล้านบาท/เดือน และก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในพื้นที่สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง และภายหลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ยินดีสนับสนุนเครื่องบดลำไยขนาดย่อมให้กับกลุ่มเกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์กับกิจกรรมข้องชุมชนที่ต้องการและนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ อีกทั้งยินดีนำเทคโนโลยีสนับสนุนกิจกรรมความเข้มแข็งชุมชน เพื่อต่อยอดจากโครงการรีไซเคิลลำไยการริเริ่มโครงการหมู่บ้านลำไย เพื่อการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆจากลำไย การพัฒนาสร้างชุดหัวเผาอัจฉริยะโดยใช้เชื้อเพลิงแท่งตะเกียบ เพื่อต่อยอดการดำเนินงานให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับเตาอบลำไยของเกษตรกรในภาคเหนือ
การประชุมเสวนาในครั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงและสาธิตไว้ในงานด้วย ได้แก่ ไซโลเก็บข้าว เครื่องสีข้าวชุมชน เครื่องกะเทาะเปลือกและคัดแยกเมล็ดสบู่ดำ เครื่องหีบน้ำมันสบู่ดำ เครื่องกรองน้ำมันสบู่ดำ เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และให้ความร่วมมือกับการดำเนินงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นอย่างดี
---------------------------
ข่าวโดย: เทียรทอง ใจสำราญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ
สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร 02 354 4466 ต่อ 633