กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน กระทรวงวิทย์ฯ โดย สวทช. นำวิทยาศาสตร์บูรณาการงานวิจัยพันธุกรรมนกเงือกสำเร็จ

กระทรวงวิทย์ฯ โดย สวทช. นำวิทยาศาสตร์บูรณาการงานวิจัยพันธุกรรมนกเงือกสำเร็จ

พิมพ์ PDF

 

 

 

     ดร.คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เป็นประธานงานแถลงข่าว  นกเงือกจะสูญพันธ์หรือไม่ งานวิจัยพันธุกรรมนกเงือก จะมีส่วนช่วยอนุรักษ์นกเงือกได้อย่างไร  โดยมี รศ.นพ.ประสิทธิ์  ผลิตผลการพิมพ์  รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)   ศ.ดรพิไล  พูลสวัสดิ์  และคณะวิจัย  จากคณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล  ร่วมแถลงข่าว  ณ ห้องโถงชั้น 1  อาคารพระจอมเกล้า  กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  วันที่ 22 มกราคม  2553

            ดร.คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กล่าวว่า  เป็นที่น่ายินดียิ่ง ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นถึงความสำคัญในการศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรม และสภาพทางนิเวศถิ่นอาศัยของประชากรนกเงือก  เนื่องจากว่านกเงือกเป็นสัตว์ที่มีบทบาทเด่นเป็นอย่างมากในระบบนิเวศป่า คือ เป็นตัวช่วยกระจายพันธุ์ไม้ (Seed disperser ) ที่ช่วยรักษาความหลากหลายของของพืช  ซึ่งในปัจจุบันประชากรนกเงือกมีจำนวนลดลง จนน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง  กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยด้านความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพ ไม่เพียงแต่นกเงือกเท่านั้นยังรวมไปถึง พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ  ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการต่อยอดงานวิจัยเพื่อนำประโยชน์จากทรัพยากรดังกล่าวมาใช้ตลอดจนการจัดการ และการฟื้นฟูทรัพยากร เป็นต้น

 

            รศ.นพ.ประสิทธิ์  ผลิตผลการพิมพ์  รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  กล่าวว่า  เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติเป็นไปอย่างกว้างขวางและปราศจากแบบแผนที่ถูกต้อง  ทำให้สิ่งมีชิวิตต่างๆในโลกนี้เกิดภัยคุกคาม  สัตว์ต่างๆ หลายชนิดได้สูญพันธ์  ประชาคมโลกได้พยายามอย่างมากที่จะอนุรักษ์และจัดการกับทรัพยากรชีวภาพ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป่าไม้ สัตว์ป่า และระบบนิเวศน์ ซึ่งเป็นแหล่งต้นทุนทางธรรมชาติ   สวทช. เห็นความสำคัญเรื่องการผลักดันอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติจึงได้สนับสนุนกลุ่มวิจัยพัฒนานกเงือก  การสนับสนุนนี้อยู่ภายใต้โครงการทุนส่งเสริมนักวิจัยอาชีพ โดยโครงการที่ได้รับการสนับสนุนชื่อโครงการว่า ลักษณะพันธุกรรมประชากร และสถานภาพถิ่นที่อยู่อาศัยของนกเงือกในพื้นที่ผืนป่า และหย่อมป่าในประเทศไทย โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความห่วงใยว่า นกเงือกเป็นเครื่องหมายสำคัญที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า เพราะนกเงือกจำเป็นต้องทำรังในต้นไม้ขนาดใหญ่  แสดงถึงความหลากหลายในชีวภาพในบริเวณนั้นว่ามีมาก  สำหรับโครงการวิจัยนี้ประกอบด้วยนักวิจัยไทยที่ร่วมกันหลายสถาบัน  นำโดย ศ.ดรพิไล  พูลสวัสดิ์  จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานด้านนกเงือกมาเป็นเวลากว่า 30 ปี  โดยมีงบประมาณสนับสนุนกว่า 15 ล้านบาท  ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ศ.ดร.พิไล  พูลสวัสดิ์  และคณะวิจัย  ได้นำเทคโนโลยีการศึกษาวิจัยทรัพยากรชีวภาพทั้งในด้านพันธุกรรม  นิเวศวิทยา  การสำรวจระยะไกล  และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์มาบูรณาการในการศึกษานกเงือกในถิ่นอาศัยที่มีสภาพเป็นผืนป่า  และหย่อมป่าทั่วประเทศ  จนสามารถสร้างความเข้าใจของสถานภาพและอนาคตของนกเงือกในประเทศไทย  ตั้งแต่ระดับพันธุกรรม  ประชากร  จนกระทั่งถึงระดับระบบนิเวศ อาทิ การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของนกเงือก  การสร้างเครื่องหมายโมเลกุลของนกเงือกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  และการวางระบบนับนกเงือกอย่างจริงจัง เพื่อใช้ทำนายสถานภาพถิ่นที่อยู่อาศัย  และความเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เป็นต้น

           

ทั้งนี้  จากการบูรณาการของโครงการวิจัย  ตั้งแต่การนำเทคนิคหรือเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์จนก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่  ไปสู่การฝึกอบรมชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่  ศ.ดร.พิไล  พูลสวัสดิ์  และคณะ  ได้ขยายผลให้เกิดโครงการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนกเงือกอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ  โครงการอุปการะครอบครัวนกเงือก  โครงการปรับปรุงรังนก  โครงการสร้างโพรงเทียมสำหรับนกเงือก  อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์   ฟื้นฟูนกเงือกและถิ่นอาศัยอย่างเป็นระบบต่อไป

 

            ด้าน ศ.ดรพิไล  พูลสวัสดิ์  กล่าวถึงโครงการอนุรักษ์นกเงือกกับชุมชนว่า ที่บูโด-สุไหงปาดี แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก แก้ปัญหาเร่งด่วน เป้าหมายก็คือ เพิ่มประชากรของนกเงือกให้ได้ หยุดการล่าโดยการเข้าไปคุยกับพราน  ขอความร่วมมือและฝึกชาวบ้านให้เป็นผู้ช่วยวิจัย ซึ่งได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดี ผลจากความร่วมมือ คือได้รับข้อมูลมากมาย อย่างเช่น การทำรัง ตำแหน่งของรังซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างมาก  และเนื่องจากต้นไม้ถูกตัดไปมากจึงได้ร่วมกับภาควิชาออกแบบ  มหาวิทยาลัยศิลปากรติดตั้งกรงเทียม ปัจจุบันนกเงือกได้ใช้กรงเทียมกว่า 20 %   ระยะที่ 2 คือ การแก้ปัญหาระยะยาว เป้าหมาย คือ การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน เราต้องเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของชาวบ้าน เปลี่ยนจากหมู่บ้านที่ล่านกเงือกส่งขายเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์นกเงือก   และขั้นตอนที่สำคัญคือถ่ายทอดความรู้สู่เยาวชนโดยเรามีค่ายเยาวชนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับนกเงือกและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการปีละ 500 คน

 

            ศ.ดร.พิไล  พูลสวัสดิ์   กล่าวต่อว่า  ผลจากการดำเนินโครงการที่ได้รับทุนการวิจัย 5 ปี ปรากฏว่า ที่เขาใหญ่ได้ลูกนกเงือกถึง 500 ตัว ที่ห้วยเขาแข้ง 230 ตัว คิดเป็น 62 %  ที่บูโด-สุไหงปาดี 200 ตัว คิดเป็น 45 %  นอกจากนี้งานวิจัยภายใต้โครงการนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการวิจัยอื่นๆ ตลอดจนใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

 

 

 

ผู้เขียนข่าว : นางสาวอุษา  ขุนเปีย  กลุ่มงานประชาสัมพันธ์  โทร 0 2354 4466 ต่อ 120

ถ่ายภาพโดย : นางสาวสุนิสา  ภาคเพียร  กลุ่มงานประชาสัมพันธ์  โทร 0 2354 4466 ต่อ 199

 

           

 

 

 
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป