กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาษาไทยEnglish
หน้าหลัก ข่าวสารหน่วยงาน วว.เปิดตัว “บุหรงช้าง” และ “บุหรงดอกทู่” .....พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก

วว.เปิดตัว “บุหรงช้าง” และ “บุหรงดอกทู่” .....พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก

พิมพ์ PDF

             

      (เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แถลงข่าวการค้นพบ บุหรงช้างและบุหรงดอกทู่...พรรณไม้ในสกุลบุหรงชนิดใหม่ของโลก พร้อมต่อยอดงานวิจัยด้านขยายพันธุ์ และหาแนวทางการใช้ประโยชน์ทางเภสัชกรรม เพื่ออนุรักษ์พรรณไม้อย่างยั่งยืน 


                นายอนันต์ รุ่งพรทวีวัฒน์ รองผู้ว่าการกลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด  วว.  ชี้แจงว่า ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ วว. ประสบความสำเร็จในการค้นพบและตั้งชื่อบุหรงชนิดใหม่ของโลก 2 ชนิด ได้แก่ บุหรงช้างและบุหรงดอกทู่ โดยพรรณไม้ทั้ง 2 ชนิด ได้มีการตรวจสอบการตั้งชื่อและนำไปตีพิมพ์รายงานในวารสาร Systematic Botany ปีที่ 34 ฉบับที่ 2 หน้า 252-265 ประจำปี 2552 ทั้งนี้วารสารดังกล่าวเป็นวารสารการจำแนกพรรณไม้นานาชาติที่ออกในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยต้นแบบของตัวอย่างแห้ง (Type specimen) ของทั้งบุหรงช้างและบุหรงดอกทู่ได้มีการเก็บไว้ที่หอพรรณไม้ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (BKF) นับเป็นพรรณไม้ถิ่นเดียวของไทย 


                   ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ วว. ชี้แจงเพิ่มเติมว่า บุหรงช้าง มีชื่อวิทยาศาสตร์ Dasymaschalon grandiflorum Jing Wang, Chalermglin & R.M.K. Saunders  สำรวจพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544   ในป่าดิบชื้นของอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส  ที่ระดับความสูง 300-500 เมตร ลักษณะพิเศษของบุหรงช้าง คือ เป็นบุหรงเพียงชนิดเดียวที่เป็นเถาเลื้อย (บุหรงชนิดอื่นทั้งหมดเป็นไม้พุ่ม) และมีดอกและผลขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลบุหรง  เถาเลื้อยไปได้ไกลถึง 15 เมตร เถามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร แผ่นใบรูปไข่กลับหรือรูปขอบขนาน กว้าง 6-8 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตร เนื้อใบหนา เรียบ ด้านบนใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมีนวลแป้งสีขาวเคลือบ มีเส้นแขนงใบ 11-16 คู่ ก้านใบยาว 1-1.5 เซนติเมตร ดอกออกตามเถาแก่ ก้านดอกยาว 8.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบแยกจากกัน รูปกลมขนาด 6-7.5 มิลลิเมตร กลีบดอก 3 กลีบ กว้าง 3.5 เซนติเมตร ยาว 17 เซนติเมตร ขอบกลีบบรรจบกันเป็นแท่งสามเหลี่ยมคล้ายเหล็กขูดชาร์ฟ ตอนปลายกลีบบิดเป็นเกลียว ผลกลุ่ม ก้านผลรวมยาว 8-10 เซนติเมตร มีผลย่อย 5-10 ผล แต่ละผลรูปทรงกระบอกยาว 3-6 เซนติเมตร เมื่อแก่มีสีแดงเข้ม มี 3-6 เมล็ด ผลมีรอยคอดตามเมล็ด แต่ละเมล็ดกลม สีเหลืองอ่อน ออกดอกบานในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ผลแก่ในเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
                สำหรับ บุหรงดอกทู่ มีการสำรวจพบมานานหลายปี พบในป่าดิบเขาของอำเภอแม่ฟ้าหลวงและอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ที่ระดับความสูง 800-1,600 เมตร มีชื่อวิทยาศาสตร์ Dasymaschalon obtusipetalum Jing Wang, Chalermglin and R.M.K. Saunders ลักษณะพิเศษของบุหรงดอกทู่ เป็นไม้พุ่ม สูง 4-6 เมตร ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 12-17 เซนติเมตร เนื้อใบหนา ด้านบนใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมีนวลแป้งสีขาวเคลือบ มีเส้นแขนงใบ 8-14 คู่ ก้านใบยาว 5-7 มิลลิเมตร ดอกออกที่ปลายยอด ก้านดอกยาว 4.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ แยกจากกัน รูปกลมขนาด 2-4 มิลลิเมตร กลีบดอกมี 3 กลีบ กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-3 เซนติเมตร ขอบกลีบบรรจบกันเป็นแท่งสามเหลี่ยม ตอนปลายดอกทู่และไม่บิด ผลกลุ่ม ก้านผลรวมยาว 4.5-6 เซนติเมตร มีผลย่อย 9-14 ผล แต่ละผลรูปทรงกระบอก ยาว 2.5-6.5 เซนติเมตร เมื่อแก่มีสีแดงเข้ม มี 1-4 เมล็ด ผลมีรอยคอดตามเมล็ด แต่ละเมล็ดกลมรี สีเหลืองอ่อน ออกดอกบานในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ผลแก่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม
  ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ วว. กล่าวถึงการต่อยอดงานวิจัยหลังจากการสำรวจพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก ว่า ที่ผ่านมา วว. มีผลงานในการสำรวจพรรณไม้การตั้งชื่อและรายงานในวารสารระดับนานาชาติออกมาเป็นระยะๆ ทั้งพรรณไม้ในวงศ์กระดังงาและวงศ์จำปา   นอกเหนือจากการค้นพบพรรณไม้แล้ว วว.ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัย รวบรวม เพื่อขยายพันธุ์นอกถิ่นกำเนิด   โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมทำการศึกษาประเมินสถานภาพของพรรณไม้ในถิ่นเดียวที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม นับเป็นการช่วยต่อยอดงานวิจัยและอนุรักษ์พรรณไม้อย่างยั่งยืน
  “....ขณะนี้  วว. กำลังทำการศึกษาเรื่องการขยายพันธุ์บุหรงดอกทู่ โดยวิธีการทาบกิ่ง เสียบกิ่ง และศึกษาวิจัยตรวจสอบหาสารสำคัญในการออกฤทธิ์และโครงสร้างทางเคมีของสารดังกล่าว  สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในทางเภสัชกรรม และเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป แต่สำหรับบุหรงช้างนั้นเนื่องจากเป็นพืชที่เติบโตอยู่ในพื้นที่ที่ยากลำบากในการเข้าไปสำรวจ ขณะนี้จึงยังไม่ได้ทำการศึกษาวิจัย....” ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ วว. กล่าวสรุปในตอนท้าย 


 สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)   โทร. 0 2577 9000 www.tistr.or.th E-mail : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

ข้อมูลโดย : สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

ถ่ายภาพโดย :  นายนที ใจดี นักศึกษาฝึกงานกลุ่มงานประชาสัมพันธ์

ส่งข่าวโดย : นางสาวสุนิสา ภาคเพียร กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ โทร.02-354-4466 ต่อ 199

 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
» กลิ่นหอมจากพืช...มาเป็นน้ำหอมได้อย่างไร
» วว. โชว์ผลิตภัณฑ์บำรุงสมองเสริมความจำ MDmate ในงานแถลงข่าวมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2016
» ก.วิทย์ จับมือ ก.คลัง เปิดช่องทางใหม่ให้เอกชนรับรองโครงการวิจัยด้วยตนเอง เพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษี 300% ได้สะดวก รวดเร็ว และหนุนการทำวิจัยเพิ่มมากขึ้น
» สันติสุข มะโรงศรี : สรุป "ผลงานรัฐบาล" ใน 8 นาทีได้เข้าใจง่าย มากกว่าที่รัฐประชาสัมพันธ์เอง !?
» วว.ร่วมแสดงความยินดี บ.รักษ์บ้านเรา ผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีปุ๋ยอินทรีย์ ได้รับคัดเลือกไปดูงานเศรษฐกิจสีเขียวในต่างประเทศ
» ก.วิทย์ฯ ยกระดับโอทอปด้วย วทน. (STI for OTOP Upgrade) จังหวัดขอนแก่น
» “53 ปี” แห่งการสถาปนา วว. เราคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของท่าน
หน่วยงานในสังกัดกระทรวง
สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป