ไหมไทย ทุกวันนี้ถูกนำมาใช้ในการทอผ้า เป็นผ้าไหมแสนสวย ผ้าไหมไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เศษไหมที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตผ้าไหมนั้นมีมากถึง ปีละ 300-400 ตัน และปกติจะถูกนำไปเผาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์และก่อให้เกิดมลภาวะในอากาศอีกด้วย
แต่ใครจะทราบว่าในผงไหมไทยนั้นมีโปรตีนในรูปแบบกรดอะมิโนมาถึง 18 ชนิด ซึ่งมากกว่าไหมพันธุ์ต่างประเทศ ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อทำการศึกษาลึกลงไป โปรตีนไหมนั้น มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุรินทรีย์ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง และสิว มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีสารช่วยป้องกันผิวแห้ง หากนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และเมื่อนำไปเป็นส่วนผสมของอาหาร จะมีสารที่ช่วยควบคุม คอเลสเตอรอลในหลอดเลือด สลายแอลกอฮอล์ในร่างกาย ช่วยความจำ อีกทั้งยัง ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ อีกทั้งยังมีสารลดแอลกอฮอล์ในตับซึ่งมีมากกว่าถึง 3 เท่า มีสารช่วยความจำ ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจมากกว่า 2 เท่า และมีสารลดการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสและสารต้านไวรัส มากกว่าถึง 4 เท่า
ผงไหม โปรตีนที่ผลิตมาจากส่วนของใยไหมซึ่งมี 2 ชนิด คือ ผงไหมจากกาวไหม ที่เรียกว่า ผงไหมซิริซิน และผงไหมจากเส้นใยไหม ที่เรียกว่า ผงไหมไฟโบรอิน ซึ่งมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำและชนิดที่ไม่ละลายน้ำขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ประสบความสำเร็จในการผลิตโปรตีนไหม (silk peptide) จากผงไหมไทยด้วยเทคนิคเชิงนิวเคลียร์ โดยการนำเศษไหมที่เหลือใช้ไปฉายรังสีแกมมาที่ระดับรังสี 300 กิโลเกรย์เป็นเวลาประมาณ 6 วัน รังสีจะทำให้โมเลกุลของไหมที่เกาะกันแน่นแตกตัวออกจากกัน ดังนั้น silk peptide ที่สทน. ผลิตได้ได้มีอนุภาคขนาด 25 - 50 ไมครอน มีความสามารถในการละลายน้ำ 99.8 % มีลักษณะเบาฟู ดูดซับความชื้นจากอากาศได้ยาก มีสารปนเปื้อนประเภทโลหะหนักน้อยกว่าผงไหมที่ผลิตจากที่อื่น
ปัจจุบันมีการนำผงไหมดังกล่าวไปเป็นส่วนผสมของอาหาร เช่น ไส้กรอก กุนเชียง ลูกชิ้น ไอศกรีม บะหมี่ หมูยอ กุนเชียงที่ใส่ผงไหม ลักษณะจะนุ่มเหมือนกับของซึ่งทำออกใหม่ ลักษณะเนื้อเหมือนกับว่าผสมหมูเนื้อแดงในอัตราส่วนที่มาก และสีสันยังสด เนื้อนุ่ม ชวนกิน ส่วนโยเกิร์ต หรือไอศกรีม จะทำให้มีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เนียน ไม่ละลายง่าย บะหมี่ ทำให้มีคุณสมบัติเหนียวนุ่ม ไม่ยุ่ย หรือนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสระและนวดผม ลิปสติก เป็นต้น
ขณะนี้ สทน. กำลังผลิตโปรตีนไหมในรูปสารละลาย เพื่อนำไปใช้ฉีดพ่นให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาทิ ข้าว ลองกอง มังคุด และกำลังทดลองกับผลผลิตอื่นๆ ในเบื้องต้นผลเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะนำให้ข้าวที่ฉีดพ่นสารละลายไหมมีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 20 % ส่วนลองกอง และมังคุด ทำให้ผลผลิตมีความสวยงาม ยืดอายุการเก็บผลผลิตได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตได้