การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นภารกิจหนึ่งที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนากำลังคนเพื่ออุตสาหกรรมอาหารที่ใช้ความรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยในการแก้ปัญหาปรับปรุงกระบวนการผลิตและยก ระดับคุณภาพการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม ได้แก่โครงการทักษะวิศวกรรมอาหาร (Food Engineering Practice School Program: FEPS) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไบโอเทค และภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตวิศวกรวิจัยระดับมหาบัณฑิต ที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมอาหาร จำนวน 60 คน ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2547-2551) โดย
- อาศัยกลไกการสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับภาคเอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมของ ประเทศ เป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ รวมทั้งผลิตงานวิจัย/วิชาการและพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของ ผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม
- เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ เน้นการเรียนการสอนที่ฝึกทักษะด้านการสื่อสารที่ดีทั้งการพูดและการเขียนและ ฝึกนักศึกษาให้รู้จักวางแผน การจัดการอย่างเป็นระบบ มีความเป็นผู้นำ สามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมีทักษะการตัดสินใจเชิงวิศวกรรมที่ ดี มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์วิศวกรรม
- เน้นการเรียนการสอนจากปัญหา (Problem-based) ของอุตสาหกรรมอาหาร โดยนักศึกษาในโครงการต้องเลือกทำโครงการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาของโรงงาน และทำโครงงานด้านเทคนิค เสมือนวิศวกรวิจัยในโรงงานของบริษัทที่ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานฝึกทักษะ (Practice Sites) ของนักศึกษา ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของอาจารย์ โครงการนี้จึงเป็นหลักสูตรผลิตกำลังคนที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
ความสำเร็จในการผลิตนักศึกษาของโครงการ
โครงการ FEPS ผลิตวิศวกรระดับมหาบัณฑิตที่มีความสามารถในการวิจัยและพัฒนา โดยเน้นทักษะการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร การออกแบบ ปรับปรุง และแก้ปัญหากระบวนการผลิตเพื่อการใช้วัตถุดิบและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาสำเร็จการศึกษาจากโครงการ 5 รุ่น จำนวน 88 คน ซึ่งเข้าสู่สายอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารระดับนานาชาติและระดับชาติ 75 คน เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย 1 คน นักวิจัยในสถาบันการศึกษา 1 คน และศึกษาต่อระดับปริญญาเอก 7 คน และอื่นๆ 4 คน (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2552)
ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมที่ให้การสนับสนุนสถานฝึกทักษะ
- บริษัท ซี.พี. ค้าปลีกและการตลาด จำกัด
- บริษัท อาหารสยาม จำกัด
- บริษัท สหอินเตอร์ฟูดส์ จำกัด และได้สนับสนุนทุนการศึกษาตั้งแต่รุ่นที่ 3-7 จำนวน 22 ทุน
- บริษัท บี ฟูดส์ โพรดักส์ จำกัด ในเครือเบทาโกร ซึ่งเริ่มให้การสนับสนุนในปีการศึกษา 2549
- บริษัท ไทยรอแยลฟรอเซนฟู๊ด จำกัด ซึ่งเริ่มให้การสนับสนุนในปีการศึกษา 2549
- บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเริ่มให้การสนับสนุนในปีการศึกษา 2549
ตัวอย่างผลงานของนักศึกษา บริษัท ซี.พี. ค้าปลีกและการตลาด จำกัด
- การปรับปรุงสูตรซาลาเปาและปรับปรุงซาลาเปา และปรับปรุงโครงสร้างภายในตู้นึ่ง ลดการสูญเสียของซาลาเปาหมูสับจาก 5 % เป็น 0 % และยังประยุกต์ใช้ได้กับซาลาเปาไส้ต่างๆ ที่ผลิตจากโรงงานซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 200ตันต่อวัน
- การศึกษาวิธีการละลายกุ้งแช่แข็ง พัฒนากระบวนการละลายที่เหมาะสมและลดการสูญน้ำหนักกุ้งเนื่องจากการละลาย จาก 15 % เหลือ 12 % ซึ่งโรงงานใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบประมาณ 6 ตันต่อเดือน
บริษัท อาหารสยาม จำกัด
-การปรับปรุงการจัดการน้ำในโรงงาน ประหยัดเงินโดยตรงได้ 1 ล้านบาทต่อปี และในทางอ้อมการลดปริมาณน้ำเสียช่วยประหยัดงบประมาณการลงทุนระบบกำจัดน้ำ เสียมูลค่า 20 ล้านบาท
- การประหยัดไฟฟ้าในโรงงาน ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 5 ล้านบาทต่อปี และประเมินความประหยัดในทางอ้อมได้อีก 5 ล้านบาทต่อปี
- การเพิ่มผลผลิตของกระบวนการผลิต ลดการสูญเสียวัตถุดิบ และได้ผลผลิตมากขึ้น 164 ล้านบาทต่อปี
- การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำสับปะรดเข้มข้นเกรดบี ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ 3 ล้านบาทต่อปี และได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 27 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการนำเข้าเอนไซม์จากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
บริษัท สหอินเตอร์ฟูดส์ จำกัด
โครงงานวิจัยเน้นการแก้ปัญหาเรื่องพลังงานและปัญหาในกระบวนการผลิตของ โรงงาน ช่วยโรงงานประหยัดเงินทางตรง 53.5 ล้านบาทต่อปี และทางอ้อม 27 ล้านบาทต่อปี ตัวอย่างเช่น
- การกำจัดการปนเปื้อนของเชื้อ Listeria ในผลิตภัณฑ์ไก่อบและไก่นึ่งโดยใช้ความร้อนช่วยลดการสูญเสียของผลิตภัณฑ์ทาง ตรงได้ 16 ล้านบาทต่อปี และทางอ้อม 4 ล้านบาทต่อปี
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการหมักเนื้อไก่ก่อนการแปรรูป ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางตรง 15 ล้านบาทต่อปี และทางอ้อม 5 ล้านบาทต่อปี
- การปรับปรุงการใช้และการจัดการน้ำมันเตา ช่วยลดการใช้พลังงานทางตรง 7.5 ล้านบาทต่อปี และทางอ้อม10 ล้านบาทต่อปี
- การประหยัดพลังงานไฟฟ้า ช่วยลดการใช้พลังงานทางตรง 7 ล้านบาทต่อปี และทางอ้อม 3 ล้านบาทต่อปี