(15 พฤศจิกายน 2552) สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับฝ่ายสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรม คุยกัน ..ฉันท์วิทย์ สัญจร ในหัวข้อ “ตามรอยนักวิทย์ : พิชิตการทดลองสุดเจ๋ง” โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเกียรติร่วมชมกิจกรรม และวิทยากรรับเชิญ อาจารย์ฤทัย จงสฤษดิ์ หัวหน้าฝ่ายสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. ร่วมให้ความรู้ ณ ร้านทรู คอฟฟี่ ชั้น 2 สาขาสยามสแควร์ ซอย 3 มีผู้เข่าร่วมกิจกรรมกว่า 40 คน
![]() |
![]() |
อาจารย์ฤทัย จงสฤษดิ์ กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกหลายๆ คน เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ชาร์ลส์ ดาร์วิน โทมัส อัลวา เอดิสัน และสองพี่น้องตระกูลไรท์ ต่างมีความประทับใจในการประดิษฐ์ของเล่น และตื่นเต้นกับการค้นพบในวัยเด็ก จุดเริ่มต้นเล็กๆ ในวัยเยาว์ได้สร้างพลังความอยากรู้อยากเห็นและการค้นคว้าที่ยิ่งใหญ่กับมนุษยชาติต่อไป
เรื่องราววัยเด็กของเด็กชายไอน์สไตน์ที่ได้รับของขวัญจากคุณพ่อเป็นเข็มทิศที่มีเข็มชี้ไปทางทิศเหนือ เป็นปริศนาให้เด็กชายไอน์สไตน์สนุก ตื่นเต้นและสนใจในปริศนาความลึกลับของปรากฏการณ์ธรรมชาติ จนเติบโตมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการที่ปฏิวัติความรู้แก่มนุษยชาติ อาทิ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริก การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน และทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ
![]() |
![]() |
ใครจะรู้ว่า เด็กชายชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่วันๆ ขลุกอยู่กับการปีนป่ายดูรังนก สังเกตพฤติกรรมแมลงและเหล่าสัตว์ต่างๆ เดินเก็บสะสมก้อนหิน นับดอกไม้ เขี่ยไส้เดือน ต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้ค้นพบแนวคิดการคัดเลือกตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานของทฤษฏีวิวัฒนาการ ได้จุดประกายให้นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิวัฒนาการอื่นๆ อีกมากมาย
![]() |
![]() |
แสงสว่างจากหลอดไฟ เสียงเพลงจากเครื่องบันทึกเสียง ทำให้เราย้อนนึกถึงบิดาแห่งนักประดิษฐ์ที่มีผลงานนับพันชิ้น เขาคือ โทมัส อัลวา เอดิสัน เมื่อตอนวัยเด็ก เอดิสันเป็นเด็กที่ชอบประดิษฐ์และหากิจกรรมสนุกๆ มาเล่นกับเพื่อน เช่น ผสมสารให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี เขาเคยไปแอบนั่งกกไข่แทนแม่ไก่เพื่อดูว่าจะฟักเป็นลูกเจี๊ยบสำเร็จหรือไม่
![]() |
![]() |
สองพี่น้องตระกูลไรท์ที่ทำให้ความฝันของการบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นจริงได้ จากการประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลก ในสมัยเด็กๆ สองพี่น้องชอบเล่นของเล่นที่มีการเคลื่อนที่ได้ เช่น ขี่จักรยาน เล่นลูกข่าง และเล่นว่าว การเล่นดังกล่าวทำให้เขาได้เติบโตมาเป็นนักประดิษฐ์ที่สร้างเครื่องบินที่สามารถเคลื่อนที่ในอากาศได้
ฝ่ายสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. ได้นำกิจกรรมการทดลองเพื่อย้อนรำลึกนักวิทยาศาสตร์และจุดประกายการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ ผ่านการทดลองดังนี้
ไขปริศนาการบิน ประดิษฐ์ว่าวน้อยลอยลมและคอปเตอร์กระดาษ น้องๆ จะได้เรียนรู้หลักการลอยตัวจากว่าว ที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง โดยการลอยตัวของว่าวจะมีแรงที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งหมด 3 แรงคือ 1. แรงที่เกิดจากน้ำหนักว่าว 2. แรงที่เกิดจากลมซึ่งเป็นตัวช่วยยกว่าวให้ลอยขึ้นและเอียงไปด้านหลัง และสุดท้าย คือ แรงดึงจากเชือกซึ่งจะช่วยในการดึงรั้งว่าวไม่ให้ถอยหลังมากเกินไป และที่สำคัญยังเป็นตัวที่ผู้เล่นใช้กำหนดทิศทางของว่าว ง่ายเท่านี้น้องๆก็จะได้ว่าวที่ประดิษฐ์ขึ้นเองไว้ใช้เล่นรับลมหนาว ส่วนคอปเตอร์กระดาษ เป็นการลอกเลียนแบบการลอยตัวของลูกยางขณะที่ร่วงลงมาจากต้น โดยอาศัยหลักการของเรื่องแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง แรงที่ 1 เกิดจากน้ำหนักของคอปเตอร์กระดาษเอง (รวมกับน้ำหนักของคลิปหนีบกระดาษ) แรงที่ 2 แรงยกมาจากแรงต้านการโน้มถ่วงโลก จากปีกของคอปเตอร์ ทำให้คอปเตอร์กระดาษของน้องๆ สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้ ส่วนของใครจะลอยอยู่ได้นานกว่ากันนั้น น้องๆ ลองออกแบบดูว่า เราจะดัดแปลงคอปเตอร์ของเรายังไง ให้ลอยอยู่ในอากาศได้นานที่สุด
วัสดุ/อุปกรณ์ ว่าวน้อยลอยลม
- ไม้ไผ่ สำหรับทำโครงว่าว
- กระดาษว่าว
- เชือกผูกว่าว
- กาว
- กรรไกร
วิธีการทดลอง
- เตรียมโครงว่าวจากไม้ไผ่ จากนั้นนำกระดาษว่าวมาตัดตามรูปแบบว่าว โดยตัดกระดาษให้มีขนาดใหญ่กว่าโครงว่าวเล็กน้อย (เผื่อไว้สำหรับติดกาว)
- ติดกระดาษว่าวเข้ากับโครงว่าว
- เตรียมส่วนหางว่าวโดยตัดกระดาษว่าเป็นเส้นๆ ขนาดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวตามความเหมาะสม ติดส่วนหางว่าวเข้ากับตัวว่าว
- นำเชือกว่าวมาผูกติดกับหางว่าว
- ตกแต่งว่าวให้สวยงามตามต้องการ
วัสดุ/อุปกรณ์ การทำคอปเตอร์กระดาษ
- กระดาษสำหรับทำคอปเตอร์
- กรรไกร
- คลิปหนีบกระดาษ
วิธีการทดลอง
- ตัดกระดาษตามลอยประที่ 1
- วัดระยะจากรอยประลงมาประมาณ 2 cm
- ใช้กรรไกรตัดตามรอยประที่ 2
- ทำส่วนปีก โดยพับสวนสีเขียวเข้มลงมาข้างหน้า และส่วนสีเขียวอ่อน ลงไปข้างหลัง
- พับส่วนแถบสีขาวเข้าไปข้างหลัง
- ติดคลิปหนีบกระดาษ บริเวณด้านล่าง
นักชำแหละต้นไม้พิสดาร ชำแหละผ่าตัดต้นไม้และพิสูจน์ว่าต้นไม้กินแมลงได้อย่างไร พืชกินแมลง คือ พืชที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงเหมือนกับพืชทั่วไป แต่มีการพัฒนาวิธีการดูดซึมธาตุอาหารโดยการดักจับแมลง และย่อยสลายด้วยกระบวนการทางเคมี จากนั้นจึงดูดซึมสู่ลำต้นต่อไป คุณสมบัติของพืชกินแมลง คือ มีความสามารถในการดูดซึมธาตุอาหารจากสัตว์ที่ตายแล้ว และมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างชัดเจนบางอย่าง โดยมีเป้าหมายหลักในการล่อแมลง, จับ และย่อยเหยื่อ
วัสดุ/อุปกรณ์
- ต้นไม้กินแมลง
- ถุงมือ
- มีด
วิธีการทดลอง
- สังเกตุลักษณะภายนอกของต้นไม้กินแมลง
- สังเกตลักษณะภายในใช้อุปกรณ์ผ่าหรือกรีดต้นไม้ในส่วนต่างๆ และสังเกตุ
หลอดไฟเรืองแสงจากผลไม้ เป็นการการผลิตไฟฟ้าจากผลไม้หรือเรียกอีกอย่างว่า “เซลล์อิเล็กโทรไลต์” ซึ่งเกิดได้จากการแตกตัวของไอออนในผลไม้ ทำให้เกิดเป็นเซลล์ไฟฟ้าได้ เมื่อเราต่อกับหลอด LED ซึ่งกินไฟไม่มากก็จะทำให้ไฟฟ้าจากผลไม่ทำให้หลอด LED ติดได้ โดยผลไม้แต่ละชนิดจะให้ไฟฟ้าได้ไม่เท่ากัน การต่อให้ได้ไฟฟ้ามากที่สุดควรจะต่อผลไม้ หลายๆลูก แบบขนานจะให้ไฟมากที่สุด และเทคนิคมีอยู่ว่า น้องๆ ควรขัดแผนทองแดงและสังกะสีให้ดีๆ เพื่อที่จะได้นำกระแสไฟฟ้าได้ดีค่ะ
วัสดุ/อุปกรณ์
- หลอด LED ขนาดเล็ก
- แผ่นทองแดง
- แผ่นสังกะสี
- สายไฟปากคีบ
- ผลไม้ที่จะใช้สำหรับเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น เลม่อน มะนาว แอปเปิ้ล หรือผลไม้ชนิดอื่นๆที่ต้องการทดสอบ
วิธีการทดลอง
- เตรียมแผ่นทอแดงและแผ่นสังกะสีโดยการตัดแผ่น ให้มีขนาด 1.5 x 3 cm
- นำแผ่นทองแดงและแผ่นสังกะสีที่ตัดแล้วมาเสียบเข้ากับผลไม้สำหรับทำเป็นขั่ว ดังรูป
- ใช้สายไฟปากคีบหนีบขั่วต่อผลไม้
- นำหลอด LED มาต่อเข้ากับวงจรที่ได้ ****(อะอะ... สังเกตดีๆนะค่ะ ว่า การต่อเราจะให้แผ่ทองแดงเป็นขั่วบวก ส่วน แผ่นสังกะสีเป็นขั่วลบค่ะส่วนหลอด LED ให้สังเกตที่ ขาค่ะ ด้านสั้นสำหรับต่อกราวด์ ส่วนด้านยาวสำหรับต่อไฟค่ะ )
- ลองกับผลไม้ชนิดอื่นอีกแล้วสังเกตดูซิว่า ผลไม้ชนิดไหนทำให้ไฟติดได้บ้างน๊า......?
ประดิษฐ์เข็มทิศทำเองได้..ง่ายจัง เข็มทิศเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการเดินทาง เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการหาทิศทาง ประกอบกับการดูแผนที่ คุณสมบัติที่สำคัญของเข็มทิศ คือ เข็มที่ชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ เนื่องมาจากแรงของสนามแม่เหล็กโลก
วัสดุ/อุปกรณ์
- ฐานเข็มทิศ
- สกรู
- แผ่นแม่เหล็กรูปเข็ม
- กรรไกร
- กาว
วิธีการประดิษฐ์
- ประกอบฐานเข็มทิศ
- ประกอบแผ่นแม่เหล็กเข้ากับตัวฐาน โดยใช้สกรูยึดติดไว้ตรงกลาง และให้เข็มหมุนได้อย่างอิสระ
ข้อมูลโดย : ฝ่ายสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.)
ติดตามข่าวสารการจัดกิจกรรม คุยกัน..ฉันท์วิทย์ ของกลุ่มงานประชาสัมพันธ์
สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ที่ http://www.most.go.th/scitalk
ผู้เขียนข่าว : กมลวรรณ เอมสมบูรณ์ โทร. 0 2354 4466 ต่อ 199,118,120
ที่มา : กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Call Center 1313