ความเป็นมา/หลักการและเหตุผล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริ ให้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรในหมู่บ้านนางอย – โพนปลาโหล ให้ดีขึ้น ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 อ.เต่างอย จ.สกลนคร จึงถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2526 ภายหลังดำเนินการพัฒนาแล้ว ราษฎรในหมู่บ้านมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพัฒนาต่อไปด้วยกลุ่มของชาวบ้านเอง
ปี พ.ศ. 2526 – 2537 โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 เต่างอย ดำเนินงานโดยโครงการหลวง มีบทบาทในด้านการส่งเสริมการปลูกพืชในระบบเกษตรอุตสาหกรรมและเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร เพื่อทำการแปรรูปและจำหน่าย ซึ่งนอกจากมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรแล้วโรงงานหลวงฯ ยังจ้างแรงงาน (ลูกหลานชาวบ้าน) เข้าไปทำงานในโรงงานอีกด้วย ในอดีตที่ผ่านมาทั้งค่าวัตถุดิบ (ผลผลิตการเกษตร) และค่าแรงงาน ของโรงงานแห่งนี้ ปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ที่กระจายเข้าไปในชุมชน ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของชุมชน ตามแนวพระราชดำริของการก่อตั้งโรงงาน ในด้านสังคมอาจกล่าวได้ว่าโรงงานหลวงฯ ได้เป็นกลไกในการสร้างและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ไม่ทำให้เกิดครอบครัวแตกแยก เนื่องจากเป็นแหล่งจ้างงานขนาดค่อนข้างใหญ่ (ประมาณ 500 คน) ทำให้ลูกหลานของเกษตรกรหรือชาวบ้านไม่ต้องอพยพไปหางานทำในเมือง แต่ยังคงอยู่ร่วมกันและทำงานได้ในชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวได้ว่าระบบเกษตรอุตสาหกรรม มีเป้าหมายให้เกษตรกรมีการวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สัมพันธ์กับตลาด เน้นการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมผสมผสานกับการจัดการทรัพยากร (ดิน น้ำ) เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ ทำให้การเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องขยายพื้นที่การเกษตร ซึ่งอาจนำมาซึ่งการแผ้วถางป่าเพื่อนำมาใช้เพื่อการเกษตร จึงนับได้ว่าระบบเกษตรอุตสาหกรรมได้ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปี พ.ศ. 2538 – 2550 โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 เต่างอย เปลี่ยนการดำเนินงานโดยบริษัท ดอยคำ จำกัด ดำเนินงานโรงงานฯ โดยใช้กลไกทางธุรกิจเป็นตัวตั้ง รวมทั้งทำให้ความใกล้ชิดกับชุมชนลดลง ผลการดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ บริษัท ดอยคำ จำกัด จึงมีแนวคิดในการปิดโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 เต่างอย เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบ จึงมีแนวพระราชดำริให้ชุมชนได้ดำเนินกิจการต่อจากบริษัท ดอยคำ จำกัด โดยให้ใช้โรงงานหลวงฯ เป็นกลไกการพัฒนาพื้นที่ หารูปแบบวิธีที่เหมาะสมให้ชุมชนเป็นเจ้าของกิจการ ดังนั้นสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ ได้พิจารณาศักยภาพของพื้นที่ พบว่าพื้นที่ความพร้อมด้านพื้นที่เพาะปลูก มีอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบชลประทานตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เกษตรกรมีขีดความสามารถในการเพาะปลูกพืชในระบบเกษตรอุตสาหกรรม มีแหล่งปลูกพืชขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบของโรงงานอุตสาหกรรมเกษตร และพื้นที่มีผลผลิตจากพืชตามฤดูกาลที่อยู่ตามไร่นาของเกษตรกร หากรวบรวมสามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานอุสาหกรรมเกษตร นอกจากนี้ ชุมชน โดยรอบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจึงในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ในการเรียนรู้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพัฒนาพื้นที่ทุรกันดารโดยอุตสาหกรรม และการทรงงานในพื้นที่ครั้งแรกของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามรอยพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในปี พ.ศ. 2551 จึงได้ดำเนิน “โครงการวิสาหกิจชุมชน – โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้โดยใช้โรงงานเป็นเครื่องมือของชุมชนในการสร้างรายได้ มีกลุ่มเป้าหมายพื้นที่รอบภูพาน 3 จังหวัด (นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร) เกษตรกรจำนวน 5,000 ครัวเรือน ใน 5 หมู่บ้าน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้ โดยใช้โรงงานหลวงสำเร็จรูปที่ 3 เป็นเครื่องมือของชุมชน ในการสร้างรายได้ มีกลุ่มเป้าหมายพื้นที่รอบภูพาน 3 จังหวัด (นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร)
กิจกรรมและแผนการดำเนินงาน
- กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี
- ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี
ผลการดำเนินงานโดยสรุป
มีการจดทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจุชมชนจำนวน 10 กลุ่ม คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตามโครงการตามพระราชดำริบ้านนางอย – โพนปลาโหล สมาชิกทั้งสิ้นจำนวน 395 คน จาก 3 อำเภอ คือ อำเภอเต่างอย อำเภอโคกศรีสุพรรณ และอำเภอเมืองสกลนคร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและเป็นเครือข่าย ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีระดับชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวปลอดสารพิษ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าว ซึ่งในการดำเนินกิจกรรมทำให้เกิดองค์ความรู้ และมีการการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างคนในชุมชน อีกทั้งยังมีการสร้างความความสามารถของสมาชิกอย่างเต็มที่ และมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระจายองค์ความรู้ที่มีผ่านศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การดำเนินงาน ซึ่งในอนาคตมีแผนในการขยายผลในวงกว้าง เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ประธานกลุ่มวิสาหกิจผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี
ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมอบข้าวกล้องงอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
(นายวิทยา ผิวผ่อง)
งบประมาณ
งบประมาณปี 2553 เป็นเงิน 1,000,000 บาท
งบประมาณปี 2554 เป็นเงิน 1,500,000 บาท
พื้นที่ดำเนินงาน
พื้นที่รอบภูพาน 3 จังหวัด ได้แก่ นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร
ระยะเวลาดำเนินงาน
เริ่มตั้งแต่ปี 2526 และดำเนินการต่อเนื่องทุกปี
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
• ช่วยแก้ปัญหาและยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนให้ดีขึ้น ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพและในด้านการพัฒนาใช้ประโยชน์และอยู่ร่วมกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
• เกิดเครือข่ายชุมชนที่มีขีดความสามารถในการเสริมพลังและบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี
• เกิดกลไกการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สื่อการเรียนรู้
ผู้รับผิดชอบ
1. นายสมศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ
หน่วยบริการเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาชนบท
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
โทร. 02-564-6700 ต่อ 3627
e-mail :
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
2. นางลัดดา หงส์ลดารมภ์
ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ สำนักงานกลาง
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
โทร. 02-644-8150 ต่อ 702
โทรสาร 02-333-3934
e-mail :
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
หน่วยงานรับผิดชอบ : | สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) |
73/1 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี | |
กรุงเทพฯ 10400 | |
โทรศัพท์ 0-2644-8150-54 | |
โทรสาร 0-2644-8027-29 | |
เว็บไซต์ http://www.nstda.or.th |